สังเวชนียสถาน 4 รีวิวโปรแกรมทัวร์อินเดียแบบเห็นภาพแน่นอนก่อนไป ตอนที่ 1 ราชคฤห์ ไวสาลี

สังเวชนียสถาน 4 รีวิวโปรแกรมทัวร์อินเดียแบบเห็นภาพแน่นอนก่อนไป ตอนที่ 1 ราชคฤห์ ไวสาลี

ทัวร์สังเวชนียสถาน 4 ตำบล อินเดีย เนปาล รอบเต็มของสะพานบุญทัวร์จะจัดประมาณ 8 วัน  แต่ละครั้งเราไปอย่างไร เดินทางยังไง ต้องเจออะไรบ้าง วันนี้มาเขียนเล่าเรื่องราวการเดินทางของทัวร์สังเวชนียสถาน รอบเต็มให้ฟังกันค่ะ ก่อนจองไปจะได้เห็นภาพคร่าวๆเพื่อความพร้อมในการเตรียมตัวไปไหว้พระทำบุญที่อินเดีย

 หมายเหตุ blog นี้เป็นเรื่องรวมๆกันจากการไปทัวร์สังเวชนียสถาน 4 ตำบลหลายๆรอบ อันนี้เล่าให้ฟังถึงการเดินทาง บรรยากาศ ส่วนสถานการณ์หน้างานอาจปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ได้ตามความเหมาะสมค่ะ    

วันที่ 1 : ทัวร์แสวงบุญอินเดียมีหลายสนามบินให้ไปลงแต่ถ้าบินตรงคยาได้บินเถอะ

เริ่มต้นทัวร์แสวงบุญสังเวชนียสถาน 4 ตำบลกันที่สนามบินดอนเมือง หลังๆจัดบินตรงมากขึ้นเพราะมันสะดวกกว่าจริงๆกับการไปกราบสักการะสังเวชนียสถาน สมัยก่อนเส้นทางยอดฮิตคือบินไปลงโกลกาต้าแล้วนั่งรถมาที่พุทธคยา ถามว่าดีมั้ย ราคาดีแน่นอน แต่ก็ต้องแลกกับการนั่งรถ 8-10 ชม. ใครชอบนั่งรถดูวิว จัดบินลงโกลกาต้าเลยค่ะ

แอร์เอเชียเปิดบินดอนเมือง-คยา ประมาณปลายตุลาคม ต้องส่องดีๆเพราะตั๋วเต็มค่อนข้างเร็ว เวลานัดคือ 4.00 ไม่เกิน 4.30 นัดเช้าเนาะ

เพราะการไปทัวร์สังเวชนียสถานแต่ละรอบ นอกจากเราจะไปเที่ยว ทำบุญไหว้พระของเราเองแล้ว ยังเป็นโอกาสที่เราได้สร้างประโยชน์ให้วัดไทยในอินเดีย สะพานบุญจัดทอดผ้าป่า ถวายสังฆทานวัดไทยที่เราไปพัก จะมีของส่งมาร่วมบุญเยอะมาก ลูกทัวร์ก็ขนไปร่วมบุญด้วย ก็ต้องไปแสตนบายจัดการส่วนนี้ก่อน อ่านเพิ่มใน (การเตรียมตัวไปอินเดียตอนของทำบุญ)

เช็คอินเสร็จเราก็เข้าเกตไปรอเครื่องกัน ไม่ต้องรีบหอบแฮ่กเพราะส่วนใหญ่จะได้เช็คอินกรุ๊ปแรก ก็แหม นัดเช้าเนาะ ไม่ต้องลุ้นคนเยอะที่ตม.

เทคออฟปุ๊บก็กินข้าวกัน สั่งอาหารเช้าให้ทานบนเครื่องแล้วค่ะ ส่วนเอกสารตม. ไม่ต้องกรอกค่ะทุกคน หลับไปเลยฟ้าจัดการให้แล้ว มากับสะพานบุญทัวร์ เอกสารจัดการให้หมด เซ็นอย่างเดียว เกร๋ๆ

ตม.อินเดีย รับน้องด่านแรกของทัวร์แสวงบุญอินเดีย ทดสอบความอดทนกันเถิดจะเกิดผล

สนามบินคยา อินเดีย

 

สนามบินคยาเล็กนิดเดียว มีอาคารเดียวแบ่งซ้ายขวา ขาเข้ากับขาออก ไฟลท์ระหว่าประเทศจะเปิดบินแค่ช่วงหน้าแสวงบุญคือตุลาคม-มีนาคมคงทุกปี ส่วนสายการบินไหนบินบ้างก็ต้องลุ้นเอา บางปีภุฐานแอร์บินก็ได้เห็นชุดภูฐานสวยๆ บางปีก็ไม่บินซะงั้น เจ้าประจำก็คือจะแอร์เอเชียกับไทยยิ้ม เดินเข้าแบบง่วงๆไม่ซับซ้อน ลงมาข้างล่างเจอตม.อินเดียรอเราอยู่

บททดสอบแรกเริ่มขึ้นแล้วค่ะ ... ยืนรอ

ตม.อินเดียที่คยาทำงานช้ามาก ปกติแขกก็ขึ้นชื่อเรื่องความชิว นึกถึงสลอธแต่เลเวลอัพกว่านิดนึง

รับพาส ..... เปิดพาส ..... เข้าเครื่อ...อ....ง .....สะ...แกน.... เงยหน้ามามองนิดนึงพอให้ได้ใจเต้น อย่าถามเย๊อะ ไม่เก่งปะกิดว้อย

มองอีกหน่อย .... เฮลโล่ว .....ไท้ยแล๊นด์ ... ทักทายอยากคุยด้วย ...... (ก็พาสปอตบอกอยู่ไงงง รีบปั๊มผ่านเถอะน่า แหม่)

เครื่องกำลังอ่านข้อมูล.....ล......ล หยิบตราปั๊มม...ม

สะ .... แต๊มมมมป์ ..... ปึ่ง

Next !!!

โอ้ยยยย .... กว่าจะผ่าน คือถ้าอารมณ์ดีนางจะชวนคุย ถ้าอารมณ์ไม่ดีนางขึ้นเสียงจ้า NEXT!! HURRY!!  

คือแขกไม่ได้หยาบคายหรอกค่ะ การเสียงดังคือเรื่องปกติของแขก แต่คุณย่าคุณยายจะกลัวเอาน่ะสิเพราะทัวร์ไหว้พระ ทำบุญ สังเวชนียสถาน อินเดีย เนปาล สมาชิกส่วนใหญ่เป็นสว. ส่วนใหญ่กว่าคือหลายท่านไม่ค่อยไปไหน โดยเฉพาะออกต่างประเทศ การเซ็นเอกสาร เจอระบบต่างๆบางครั้งอาจจะกลัวและไม่มั่นใจ ในแถวตม.จะมีหัวหน้าทัวร์เดินซอกแซกแถวนู้นแถวนี้คอยดูให้

ซึ่ง ตม.คยานางคุ้นเคยดี 555+ เพราะเวลามีปัญหาเรื่องการสื่อสารหรือแสกนนิ้ว นางจะกวักมือเรียกไปดูลูกทัวร์เลยค่ะ ทุกคนจะผ่านออกไปเอากระเป๋ากันก่อน ฟ้าจะตามออกไปคนสุดท้ายเพราะแสตนบายลูกทัวร์ให้ผ่านตม.ไปให้หมด

เคสที่ใช้เวลานานสุดคือ 3 ชม. พี่ลูกทัวร์ท่านนึงแสกนนิ้วไม่ติด ทำยังไงก็ไม่ติด ก็เลยต้องรอชาวบ้านออกไปก่อนแล้วไปคุยกับตม.ว่าจะเอายังไง สุดท้ายก็ไปเคลียได้ว่ามาแค่ไหว้พระน่า ไม่ได้อยากอยู่อินเดียจ้า ปล่อยเข้าเถอะ อีก 8 วันเจอกัน กว่าจะออกกันมาได้ ซึ่งช้าก็ช้าค่ะ จะเกิดปัญหาอะไรก็ไฟท์ไปด้วยกัน หัวหน้าทัวร์พร้อมด่ามาก(ล้อเล่น)

วันแรก ไปวัดแห่งแรกในพุทธศาสนากัน

กำหนดการวันแรกของทัวร์แสวงบุญ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล อินเดีย เนปาล รอบเต็มของสะพานบุญทัวร์ เราจะไปราชคฤห์กันค่ะ ออกจากสนามบินเราก็ตรงดิ่งไปกินข้าวกลางวันกันที่วัด ข้าวร้อน ห้องน้ำสะอาด เปลี่ยนซิมพร้อมเช็คอิน เราก็เดินทางต่อ ราชคฤห์คือจุดหมายของเรา

ราชคฤห์อยู่ห่างจากพุทธคยาประมาณ 3 ชม. กินข้าวเสร็จก็งัดหมอนรองคอออกมากันได้เลย ถึงจะเป็นระยะเวลาเดินทางสั้นๆแต่เราเริ่มวันแรกของทัวร์แสวงบุญ อินเดีย 4 สังเวชนียสถานกันเช้ามาก งีบสักหน่อยก็น่าจะดี ต่างๆคนต่างงัดของใช้ส่วนตัวขึ้นมาพร้อมพักผ่อน (การเตรียมตัว ของใช้บนรถ)

ราชคฤห์ไม่ใช่เมืองที่ตั้งของสังเวชนียสถาน แห่งใดๆเลย แต่เป็นเมืองสำคัญมากในสมัยพุทธกาลเพราะเป็นเมืองแรกในชมพูทวีปที่พุทธศาสนาตั้งมั่น (บทความราชคฤห์) สถานที่ที่เราจะไปกราบสักการะเยี่ยมชมได้แก่ 

  • วัดเวฬุวัน วัดแห่งแรกในพุทธศาสนา สร้างถวายโดยพระเจ้าพิมพิสาร เจ้าแคว้นมคธ
  •       เขาคิชกูช สถานที่ปลีกวิเวกของพระพุทธเจ้า เป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์สำคัญคือพระเทวทัตพยายามกลิ้งหินลงมาหมายเอาชีวิตพระพุทธเจ้าและเป็นที่พระโมคคัลลานะเห็นเปรต ส่งผลฝห้เกิดการกรวดน้ำอุทิศกุศลในกาลต่อมา
  •       โรงพยาบาลหมอชีวกโกมารภัฏ สวนมะม่วงของหมอชีวก ถวายพระพุทธเจ้าและใช้เป็นที่รักษาพระอาพาธ
  •       ตะโปทาราม สถานที่อาบน้ำตามวรรณะของคนอินเดีย

ซึ่งทั้งหมดนี้จะไปที่ไหนก่อนไหนหลังก็แล้วแต่เหตุปัจจัยในแต่ละรอบ บางครั้งแสงหมดไวเราก็ไปวัดเวฬุวันกันก่อนเพราะเดินขึ้นคิชกูชไม่ได้แล้ว แต่ได้ไปกราบสักการะทุกที่แน่นอน นอกจากนั้นยังมีสถานที่ย่อยๆชี้ชวนให้ดูระหว่างทางเพราะเป็นสถานที่เวิ้งว้าง มีเพียงประวัติศาสตร์ลอยวนเวียนอยู่บนอากาศให้เราเห็นภาพในจินตนาการว่าในสมัยพุทธกาล มหานครแห่งนี้จะยิ่งใหญ่เพียงใด ตอนนี้ก็เป็นเพียงเมืองเล็กๆในรัฐพิหารเท่านั้น

หลักจากเข้าชมสถานที่แล้วเราก็มุ่งหน้าตรงไปยังที่พักของเรา นั่นก็คือวัดไทยสิริราชคฤห์ ทานอาหารเย็น อาบน้ำพักผ่อน นอนให้เต็มอิ่ม พร้อมออกเดินทางต่อพรุ่งนี้ค่ะ

 วัดไทยสิริราชคฤห์ อินเดีย

วันที่ 2 กราบสักการะหลวงพ่อองค์ดำแห่งนาลันทา น้ำมันเตรียมมาให้พร้อม

วันที่ 2 ของทัวร์แสวงบุญอินเดีย 4 สังเวชนียสถานเป็นการเริ่มการเดินทางยาวๆครั้งแรกไม่นับนั่งเครื่อง วันนี้แหละที่ทุกคนจะงัดเอาข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างที่จะใช้ในรถติดตัวไปด้วย ห้ามเผลอโหลดไว้ในกระเป๋าใหญ่เด็ดขาดเพราะเรารื้อไม่ได้แล้ว ทางจะไกลแค่ไหน ไม่เป็นไรเราพร้อมมาก

ทานข้าวเช้าเสร็จเราก็ออกเดินทางกันได้ สถานที่แรกที่มุ่งหน้าไปไม่มีปัญหาเรื่องห้องน้ำเพราะยังไม่ไกลมากค่ะ นั่นคือหลวงพ่อองค์ดำและมหาวิทยาลัยนาลันทา 2 แห่งนี้อยู่ที่นาลันทา เลยออกมาจากราชคฤห์ประมาณ 30 นาที จริงๆนาลันทาสมัยพุทธกาลก็คือเขตราชคฤห์นั่นล่ะ เป็นแถบบ้านเกิดของพระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ อัครสาวกทั้งสอง

ไฮไลท์ของวันเริ่มตั้งแต่เช้าคือหลวงพ่อองค์ดำ แห่งนาลันทา ปกติเวลาไปทำบุญที่ไทยเราก็ไปตามวัด เข้าโบสถ์ กราบพระประธานใช่ไหมคะ แต่การมาแสวงบุญ ทำบุญไหว้พระที่อินเดียเนี่ยเราจะเจอองค์พระอยู่ตามสถานที่ต่างๆกลางแจ้งบ้าง ในวิหาร ในเจดีย์หรือในพิพิธภัณฑ์!! ซึ่งก็ไม่ใช่ทุกสถานที่ที่มีองค์พระซึ่งเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าให้เรากราบสักการะ เราจะไปเจอสถานที่ต่างๆซึ่งเป็นสถานที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าในช่วงชีวิตของท่านเมื่อ 2500 ปีที่แล้ว ซึ่งนับว่าเป็นบริโภคเจดีย์ นับเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าให้เรากราบสักการะได้ก็เช่นกัน

แต่ที่นาลันทา เราจะได้ไปกราบองค์พระพุทธรูปเก่าแก่ ของอินเดียแท้ๆตั้งอยู่กลางทุ่งนา แต่ก่อนอ่ะทุ่งนา แต่ตอนนี้มีชาวบ้านสร้างห้องครอบรักษาเรียบร้อย หลวงพ่อองค์ดำนาลันทาขึ้นชื่อและศักดิ์สิทธิ์มากเรื่องการรักษาโรค มีเสียงเล่ากันว่ามีคนมาขอเรื่องโรคภัยไข้เจ็บแล้วหายจริงๆ อันนี้ก็ตามศรัทธา แต่พระพุทธรูปเนอะ เราชาวพุทธมองเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าแน่แท้ เราก็กราบสักการะไปด้วยใจศรัทธา

หลวงพ่อองค์ดำ นาลันทา

 

สิ่งที่ต้องเตรียมไปเล็กน้อยคือ น้ำมันค่ะ หน้างานมีขาย แต่หากอยากเตรียมภาชนะดีๆไปก็ไม่ว่ากัน เราไปสวดมนต์บูชาพระรัตนไตร เทวดาเจ้าที่เจ้าทางแล้วก็เทๆลูบๆน้ำมันที่ตัวองค์พระ แล้วจัดการกวาดดดด น้ำมันที่ติดอยู่กับองค์พระกลับมาใส่ภาชนะของเรา เอากลับไปผสมเป็นหัวเชื้อใส่น้ำมันทาทูนวดที่บ้านของเรา

บางท่านเก็บกลับไปไว้บนหิ้งพระ ของดีของเด็ดแห่งนาลันทา น้ำมันหลวงพ่อองค์ดำ !!

แหม ศรัทธาเนอะ ไม่เสียหาย ไม่งมงาย ไม่ผิดศีลธรรมก็ทำไปเถิด เป็นกำลังใจ

กราบพระเสร็จเราก็เข้าไปชมมหาวิทยาลัยนาลันทากันต่อ ด้านในเป็นซากโบราณสถานและสถูปพระสารีบุตร หลังช่วงพุทธกาลมาประมาณ300ปี สถานที่แห่งนี้เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรก มีพระมากมายเดินทางมาศึกษาเล่าเรียนที่นี่ นับว่าเป็นความรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ของพุทธศาสนาช่วงนั้นก่อนจะเสื่อมสลายและถูกทำลายจากภัยภายในภายนอก ดาบสุดท้ายที่ลงมาบั่นพุทธศาสนาให้หายไปจากอินเดียคือการรุกรานเข้ามากองทัพมุสลิม นาลันทาแห่งนี้ก็เช่นกัน ถูกเผาทำลายเสียหาย จนเหลือเพียงซากที่กองโบราณคดีขุดค้นขึ้นมาให้เราไปตามรอยกันค่ะ

เสร็จจากนาลันทาเราออกเดินทางไปยังไวสาลี วันนี้ข้ามแคว้นกันนะคะ จากมคธสู่วัชชี ที่มีไวสาลีหรือไพสาลีเป็นเมืองหลวง เข้าห้องน้ำที่เป็นกิจจะลักษณะที่สุดท้ายก่อนจะลุยต่อไปกลางทุ่งหน้าป้ายหน้า

ฟ้าจะแจ้งตลอดนะคะเรื่องห้องน้ำ ว่าที่ไหนคือห้องน้ำที่เราคุ้นเคยที่ควรจะเข้า เราก็เข้าเก็บไว้ก่อน ถ้าปวดจริงๆค่อยข้างทาง อยากจะบอกว่า เรื่องห้องน้ำเนี่ยเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่มากในการให้โอกาสตัวเองมาแสวงบุญ ทำบุญ ไหว้พระที่อินเดียเลยล่ะค่ะ หลายท่านส่ายหัวทันทีเมื่อบอกว่า ไม่มีห้องน้ำ ไม่ไปทัวร์อินเดียทันที

ขอเสนอความเห็นของหัวหน้าทัวร์ว่า เรื่องขับถ่ายเนี่ย เป็นปกติวิสัยของมนุษย์อ่ะค่ะทุกคน เวลาเราใช้ชีวิตแบบปกติที่ไทยหรือไปเที่ยวไหน ตามวิสัยก็มีห้องน้ำตลอด จะสะอาดหรือไม่ก็ว่ากัน แต่อินเดียเป็นประเทศกว้างใหญ่ รัฐบาลคงไม่สามารถสร้างห้องน้ำไว้แสตนบายทั้งเส้นทาง แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มีเสียทีเดียว ปั้มน้ำมัน ร้านอาหารหรือสถานที่ที่เราไปเยี่ยมชมก็มีอยู่ อาจจะไม่ได้เลิศเลอ สะอาดมากมายเหมือนไทย แต่ก็ยังมี ซึ่งจะแจ้งตลอดว่า ห้องน้ำที่เราจะเข้าได้สุดท้ายคือที่ไหน ครั้งต่อไปอีกกี่ชม.ทุกท่านจะได้จัดการคุยกับกระเพาะปัสสาวะตัวเองได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วเรื่องห้องน้ำจะเป็นปัจจัยเล็กน้อยเมื่อเทียบกับโอกาสที่เราจะได้ไปตามรอยพระพุทธเจ้า กราบสักการะ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล ทำบุญ เปิดโลกที่อินเดียกัน อย่าตัดโอกาสในการสร้างบุญใหญ่เพียงแค่เรื่องขับถ่ายเลยนะคะ

ไวสาลี ยังไม่จบวันที่2สักที เมื่อไหร่จะถึงกุสินารา

การไปตามรอยพระพุทธเจ้า สักการะสังเวชนียสถาน 4 แห่งมันมีรายละเอียดเยอะ แต่ละรอบก็ไม่เหมือนกันอีก โดยปกติการเดินทางเข้าไวสาลีปกติก็ไม่มีอะไรค่ะ นอกจากจะลุ้นสะพานมหาตมะคานธีว่าอย่าติดให้มาก เดี๋ยวถึงดึกดื่น

ไวสาลีในสมัยนี้เป็นเมืองเล็กๆทั้งทีสมัยก่อนเป็นเมืองใหญ่มาก ใหญ่ขนาดไหน ขนาดพระเจ้าอชาตศัตรูอยากจะควบรวมมาอยู่ภายใต้มคธ กว่าจะสำเร็จก็นู่นหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพาน

พอเราออกจากนาลันทา ข้ามสะพานมหาตมะคานธีมาสักพักก็เข้าเขตไวสาลี ไวสาลีเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญดังนี้คือ

  •     วัดป่ามหาวัน สถานที่พระน้านางมหาปชาบดีโคตมีขอบวช ทรงเดินตามมาจากกบิลพัสดุ์หลังจากไปโปรดพระบิดา เดินจากนู่นมาถึงนี่ สมัยนู้นไม่มีรถเหมือนตอนนี้ ตั้งใจแค่ไหนคิดดู สุดท้ายก็ได้บวช พระอานนท์ไปขอให้
  •    สถูปปาวาลเจดีย์ สถานที่ปลงอายุสังขารพระพุทธเจ้า หลังพญามารจากเทียวนิมนต์ให้ปรินิพพานหลายรอบ ในที่สุดพระพุทธเจ้าก็ยอมปลงอายุสังขารที่นี่ หลังจากเล็งเห็นว่าพุทธศาสนาตั้งมั่นดีแล้ว อีก 3 เดือนนับจากนั้นตอนท่านปลงอายุสังขาร ท่านจะไปดับขันธ์ที่กุสินารา
  •   มหาสถูปเกสรียา (แวะถ่ายรูป) เป็นสถูปใหญ่ยักษ์อยู่ระหว่างไวสาลีกับกุสินารา ว่ากันว่าเคยเป็นที่ประดิษฐานบาตรพระพุทธเจ้า

เมื่อกราบสักการะบริโภคเจดีย์ที่ไวสาลีแล้วเราก็ออกเดินทางต่อไปยังกุสินารา เส้นทางนี้ก็คือเดินทางตามรอยพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริงตั้งแต่ราชคฤห์วันแรก เพราะในมหาปรินิพานสูตร พระสูตรที่ว่าด้วยการเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานนั้นเริ่มจากเขาคิชกูชเมื่อวัสสการพรามณ์ไปถามความเมืองว่าจะยึดวัชชีอย่างไร พระพุทธเจ้าตรัสเทศน์อปริหานิยธรรม 7 ประการ แล้วเดินทางออกจากราชคฤห์ เข้าไวสาลีมาปลงสังขารที่ปาวาลเจดีย์และไปดับัขนธ์ปรินิพพานที่กุสินาราค่ะ

วันนี้เราจะถึงกุสินารากันค่ำแล้ว เข้าที่พักทันทีไม่ไปไหน นอนหลับพักผ่อนให้สบาย พรุ่งนี้วันสำคัญจะไปกราบสักการะสังเวชนียสถานแห่งสุดท้ายในชีวิตของพระพุทธเจ้าแต่เป็นแห่งแรกในทริปทัวร์สังเวชนียสถานของเรา สาลวโนทยาน สถานที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานของพระพุทธเจ้า ณ กุสินารา แคว้นมัลละค่ะ

เจอกันตอนที่ 2 ค่ะทุกคน

2 กุมภาพันธ์ 2564 by สะพานบุญทัวร์