ทัวร์แสวงบุญอินเดียสังเวชนียสถาน วันที่ 14 - 21 ตุลาคม 2566

จาริกแสวงบุญ 4 สังเวชนียสถาน

วันที่ 14 - 21 ตุลาคม 2566 (8 วัน 7 คืน)

ราคาท่านละ 38,500 บาท (ราคานี้รวมค่าวีซ่าและตั๋วเครื่องบิน)

พักวัด 7 คืน

โดยสายการบิน INDIGO ต่อเครื่องภายใน รอต่อเครื่องไม่นาน

ไม่ต้องนั่งรถไกล ไม่เมื่อย

เปิดรับ 25 ท่าน

มีพระวิทยากรบรรยายตลอดการเดินทาง นำปฎิบัติ สวดมนต์ ภาวนา 

 

สถานที่เยี่ยมชมสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ดังนี้

  1. ดินแดนตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมืองพุทธคยา เข้ากราบสักการะ "เจดีย์มหาโพธิวิหาร"
  2. ดินแดนปรินิพพานขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมืองกุสินารา เข้ากราบสักการะ "ปรินิพพานสถูป"
  3. ดินแดนประสูติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมืองลุมพินี ประเทศเนปาล "สวนลุมพินี"
  4. สถานที่แสดงปฐมเทศนา เมืองสารนารถ "ธรรมเมกขสถูป"

สถานที่สำคัญในพระพุทธศาสนาในครั้งพุทธกาล

  1. เมืองไวสาลี เป็นเมืองที่พระพุทธเจ้าเสด็จจำพรรษาสุดท้ายก่อนเสด็จปรินิพพาน เข้ากราบสักการะ "ปาวาลเจดีย์" เป็นสถานที่ปลงพระชนมายุสังขารและบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และ ภูฎาคารศาลาป่ามหาวัน เป็นสถานที่เกิดน้ำพระพุทธมนต์เป็นครั้งแรก เป็นสถานที่พระพุทธองค์อนุญาตให้ผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณีสงฆ์ในพระพุทธศานาเป็นครั้งแรก
  2. เมืองสาวัตถี เป็นเมืองพระพุทธเจ้าได้เดินทางเสด็จมาประทับ จำพรรษาที่เมืองแห่งนี้รวมทั้งหมด 25 พรรษา เป็นที่ตรัสพระสูตรมากมาย ปัจจุบันยังมีซากโบราณสถานที่สำคัญปรากฏร่องรอยอยู่
  3. เมืองราชคฤห์ เป็นเมืองตั้งหลักพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า โดยพระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรดพระเจ้าพิมพิสารผู้ครองนคร เป็นเมืองที่มีประวัติความเกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนามากที่สุด สถานที่ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าและพระสาวกยังปรากฏอยู่มากมาย เช่น พระคันธกุฎีบนยอดเขาคิขฌกูฎ วัดเวฬุวันซึ่งเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา

การเดินทาง เดินทางโดยสายการบินอินดิโก้ ต่อเครื่องภายในประเทศ รอต่อเครื่องไม่นาน ไม่เหนื่อย

เดินทางขาไป โดยสายการบิน INDIGO วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566

เที่ยวบิน Bangkok - Kolkata
6E1058

02.40 น. - 03.45 น. 

รอต่อเครื่อง 3.35 ชั่วโมง

เที่ยวบิน KOLKATA - PATNA
6E6324 07.20 น. - 08.35 น.

 เดินทางขากลับ โดยสายการบิน INDIGO วันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566                                                                                                                                        

เที่ยวบิน PATNA - KOLKATA
6E6502

16.20 น. - 17.30 น.

รอต่อเครื่อง 4 ชั่วโมง

เที่ยวบิน KOLKATA - BANGKOK
6E1057 21.30 น. - 01.40 น.

  การเดินทางภายในประเทศอินเดีย เราจะใช้รถบัสส่วนตัวตลอดเส้นทาง (ไม่ต้องเปลี่ยนรถ สามารถนำสิ่งของไว้บนรถได้ เช่น หมอน ผ้าพันคอ ผ้าห่ม เป็นต้น ของมีค่าไม่ควรไว้บนรถ ควรนำติดตัวไปด้วย) ซึ่งรถบัสของอินเดียนั้นจะเย็นมาก ขอให้ทุกท่านเตรียมผ้าพันคอ หรือ ผ้าคลุมไหล่ ไว้ระหว่างนั่งรถไปด้วย

แผนการเดินทาง   

วันที่เดินทาง การเดินทาง สถานที่พัก
เสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566 กรุงเทพฯ - โกลกัลต้า (ประเทศอินเดีย) - ปัฏนะ - ไวสาลี - กุสินารา วัดไทยกุสินารา
อาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2566 กุสินารา - ลุมพินี ( ประเทศเนปาล )  วัดไทยลุมพินี
จันทร์ที่ 16 ตุลาคม 2566 ลุมพินี - สาวัตถี (ประเทศอินเดีย ) วัดไทยเชตวัน
อังคารที่ 17 ตุลาคม 2566 สาวัตถี - พาราณสี วัดไทยสารนารถ
 พุธที่ 18 ตุลาคม 2566  พาราณสี - พุทธคยา วัดป่าพุทธคยา
 พฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2566 พุทธคยา - นาลันทา - ราชคฤห์ วัดป่าพุทธคยา 
 ศุกร์ที่ 20 ตุลาคม 2566  พุทธคยาทั้งวัน  วัดป่าพุทธคยา
 เสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566  พุทธคยา - ปัฏนะ - โกลกัลต้า - กรุงเทพย์ฯ (ประเทศไทย )  

    ที่พัก : พักวัด ห้องละ 2 - 4 คน มีห้องน้ำในตัว มีน้ำอุ่น ไม่นอนเบียด เตียงเดี่ยว 

            สะดวกสบาย ได้ทานอาหารไทย โดยแม่ครัวคนไทย

            พักโรงแรม ห้องละ 2 คน ทานอาหารนานาชาติ รสชาติกลางๆ และอาหารอินเดียเสริม

 

 อัตราค่าบริการท่านละ 38,500 บาท

 ราคานี้รวม

  1. ค่าตั๋วเครื่องบินไป - กลับ INDIGO AIRLINE และน้ำหนักกระเป๋าตามที่สายการบินกำหนด
  2. ค่าภาษีสนามบินทุกแห่งที่มี
  3. ค่ารถรับ - ส่ง และนำเที่ยวที่ระบุตามรายการ
  4. ค่าอาหาร และ ที่พัก ที่ระบุตามรายการ
  5. ค่าเข้าชมทุกแห่งที่ระบุตามรายการ
  6. ค่าวีซ่าอินเดีย - เนปาล
  7. มัคคุเทศน์ท้องถิ่นตลอดการเดินทาง
  8. ค่าประกันอุบัติเหตุระหว่างการเดินทางและสุขภาพ วงเงิน 1,500,000 บาท ตามเงื่อนไขกรมธรรม์

ราคานี้ไม่รวม

  1. ค่าทำหนังสือเดินทางไทย และค่าธรรมเนียมสำหรับถือพาสปอร์ตต่างชาติ
  2. ภาษีหักที่จ่าย 3% และ ภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
  3. ค่าน้ำหนักกระเป๋าทางโหลดใต้ท้องเครื่องที่เกินจากที่สายการบินระบุไว้ 
  4. ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าซักรีด ค่าซิมโทรศัพท์ ค่าทำบุญ ค่าของฝาก
  5. ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากความล่าช้าของสายการบิน การจลาจล อุบัติภัยทางธรรมชาติ การนัดหยุดงาน การประท้วง การถูกปฏิเสธไม่ให้ออกและเข้าเมืองจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่จากกรมแรงงานทั้งที่ประเทศไทยและต่างประเทศ ซึ่งอยู่เหนือการควบคุมของผู้จัด

โปรแกรมการเดินทาง             

วันแรก : วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2566 

สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ - กัลกาต้า(ประเทศอินเดีย) - ปัฏนะ - ไวสาลี- กุสินารา 

  • 23.00 น. คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ ผู้โดยสารขาออกสายการบินอินดิโก้ (INDIGO AIRLINES) โดยมีทีมงานคอยอำนวยความสะดวกแก่ทุกท่าน
  • 02.40 น. บินลัดฟ้าสู่ เมืองโกลกัลต้า ประเทศอินเดีย โดยสารการบินอินดิโก้ (Indigo Airlines) เที่ยวบินที่ 6E1058  (ใช้เวลาบินประมาณ 2.35 ชั่วโมง) 
  • 03.45 น. เดินทางถึงเมืองโกลกัลต้า ผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร รอต่อเครื่อง 3.35 ชั่วโมง เพื่อเดินทางไปยังเมืองปัฎนะ
  • 07.20 น. ออกเดินทางจากเมืองโกลกัลต้าโดยสายการบินอินดิโก้ (Indigo Airlines) เที่ยวบินที่ 6E6324 ใช้เวลาบินประมาณ 1.15 ชั่วโมง
  • 08.35 น. เดินทางถึงสนามบินปัฎนะ ( PATNA Airport) เมืองปัฎนะ รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย (เวลาท้องถิ่นที่อินเดียช้ากว่าประเทศไทย 1.30 ชั่วโมง)  แวะรับประทานอาหารเช้า และนำคณะออกเดินทางเข้าสู่เมืองไวสาลี ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง  ข้ามสะพานที่ยาวที่สุดในอินเดียสะพานคานธีระยะทาง 7 กิโลเมตร
  • 11.30 น. พักรับประทานอาหารกลางวันที่วัดไทยไวสาลี / ร่วมกันทำบุญผ้าป่าตามกำลังศรัทธา
  • บ่าย นำท่านเข้าสักการะบูชาที่ ปาวาลเจดีย์ เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สถานที่ปลงพระชนมายุสังขาร และนำท่านเข้าสักการบูชา ภูฏาคารศาลาป่ามหาวัน  เป็นสถานที่เกิดน้ำพระพุทธมนต์เป็นครั้งแรก เป็นสถานที่พระพุทธองค์อนุญาตให้ผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณีสงฆ์ในพระพุทธศานาเป็นครั้งแรกและชม เสาอโศกที่สมบูรณ์ที่สุดและงดงามที่สุดของอินเดีย
  • หลังจากนั้น นำทุกท่านเดินทางสู่เมืองกุสินารา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง
  • เย็น ทุกท่านรับประทานอาหารเย็น ณ วัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ / ร่วมกันทำบุญทอดผ้าป่า / พักผ่อนตามอัธยาศรัย

 

ที่พักคืนนี้  พักวัดกุสินาราเฉลิมราชย์

มีเครื่องอำนวยความสะดวกและห้องน้ำในตัว  รับประทานอาหารเย็น 

เป็นอาหารไทยโดยแม่ครัวคนไทย สะอาดแน่นอนคะ

สถานที่แสวงบุญ DAY01

เมืองไวสาลี นครแห่งเทวดา 

ภูฎาคารศาลาป่ามหาวัน

เป็นสถานที่เกิดน้ำพระพุทธมนต์เป็นครั้งแรก เป็นสถานที่พระพุทธองค์อนุญาตให้ผู้หญิงบวชเป็นภิกษุณีสงฆ์ในพระพุทธศานาเป็นครั้งแรก

ปาวาลเจดีย์

เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สถานที่ปลงพระชนมายุสังขาร

ด้านในปาวาลเจดีย์

ปาวาลเจดีย์ เมืองไวสาลี สถานที่ที่พระพุทธองค์ทรงทำการปลงมายุสังขารวันเพ็ญเดือนสามในพรรษาสุดท้ายของพระชนชีพ

วันที่สอง : วันอาทิตย์ที่ 15 ตุลาคม 2566

กุสินารา - ลุมพินี(ประเทศเนปาล)

 ** โปรดเตรียมหนังสือเดินทางไว้กับตัวเพื่อประทับตราออกจากประเทศอินเดีย เข้าสู่ประเทศเนปาล**

  • 0ุ6.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของวัดที่เข้าพัก
  • เช้า นำท่านเข้าสักการะปรินิพพานสถูป สถานที่ดับขันธ์ปรินิพพาน ณ สาลวโนทยาน หรือป่าไม้สาละที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานร่วมกันสวดมนต์บูชา และ ถวายผ้าห่มองค์พระพุทธรูปปรินิพพาน 
  • หลังจากนั้นนำ ท่านเข้าสักการะ มกุฎพันธนเจดีย์  ชาวท้องถิ่นเรียกว่า รัมภาร์สถูป เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ
  • หลังจากนั้น นำท่านเดินทางสู่ด่านโสเนาลี (SONUALI) ชายแดนประเทศอินเดีย – เนปาล (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5-6 ชั่วโมง ตามสภาพการจราจร)
  • 11.30 นถวายภัตตาหารเพลและรับประทานอาหารกลางวันและทาน “โรตีอรีดอย”  ณ วัดไทยนวราชรัตนาราม 960 ก่อนจะเดินทางข้ามด่านและผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมือง เดินทางต่อสู่ลุมพินีวัน ประเทศเนปาล / ร่วมกันทำบุญผ้าป่าตามกำลังศรัทธา
  • บ่าย นำทุกท่านสู่ สวนศักด์สิทธิ์ ลุมพินีวันเป็นสถานที่ประสูติของพระโพธิสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะ ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่าง กรุงกบิลพัสดุ์ และ กรุงเทวทหะ ภายในสวนลุมพินีแห่งนี้มี "วิหารมายาเทวี" ภายในประดิษฐานภาพหินแกะสลักพระรูปพระนางสิริมหามายาประสูติพระราชโอรส และชมสระโบกขรณี กราบสักการะ เสาหินเจ้าอโศกมหาราช และ ถวายผ้าห่ม รอบเสาอโศกบริเวณสถานที่ประสูติ
  • เย็น เข้าพักวัดไทยลุมพินี / ทำบุญทอดผ้าป่าตามกำลังศรัทธา / รับประทานอาหารเย็น / พักผ่อนตามอัธยาศรัย

ที่พักคืนนี้ พักที่วัดไทยลุมพินี พักห้องละ 2 ท่าน มีห้องน้ำในตัว

รับประทานอาหารไทย โดยแม่ครัวคนไทย

แสวงบุญพุทธสังเวชนียสถานที่ 1 และ 2

กุสินารา - ลุมพินี(ประเทศเนปาล)

ปรินิพพานสถูป

พุทธสังเวชนียสถานที่๑ สถานที่ปรินิพพานสถานที่ดับขันท์ปรินิพพาน ตั้งอยู่ในเมืองกุสินารา

มกุฎพันธเจดีย์

เป็นสถานที่ถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ

ลุมพินีวัน (ประเทศเนปาล)

พุทธสังเวชนียสถานที่๒ สถานที่ประสูติ

วันที่สาม : วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม 2566

ลุมพินี - สาวัตถี

  • 06.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของวัดที่เข้าพัก
  • เช้า นำทุกท่านเดินทางกลับเข้าด่านอินเดีย ผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองของเนปาล – อินเดีย นำท่านรับประทานโรตีอรีดอย / เข้าห้องน้ำ ที่วัดไทยนวราชรัตนาราม 960 ชายแดนอินเดีย –   เนปาล / ร่วมกันทำบุญถวายผ้าป่า
  • จากนั้น นำทุกท่านเดินทางสู่เมืองสาวัตถี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-8 ชั่วโมง)
  • 11.30 น.  พักรับประทานอาหารกลางวัน ณ วัดไทยระหว่างทาง / ร่วมกันทำบุญผ้าป่าตามกำลังศรัทธา
  • บ่าย  ถึงเมืองสาวัตถี ในสมัยพุทธกาลเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล ซึ่งในครั้งที่พระพุทธเจ้าได้เดิน ทางเสด็จมาประทับ จำพรรษาที่เมืองแห่งนี้รวมทั้งหมด 25 พรรษา เป็นที่ตรัสพระสูตรมากมาย ปัจจุบันยังมีซากโบราณสถานที่สำคัญปรากฏร่องรอยอยู่ คือ ที่แสดงยมกปาฏิหาริย์และเป็นเมืองที่พระพุทธศาสนามั่นคงที่สุดสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยมกปาฏิหาริย์ครั้งนี้ คือ ที่โคนต้นมะม่วง หรือ คัณฑามพพฤกษ์ในเมืองสาวัตถี 
  • นำท่านชมคฤหาสน์ของ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี และ บ้านบิดาของท่านองคุลิมาล  นำท่านชม วัดเชตวันมหาวิหาร ซึ่งเป็นอารามที่สร้าง โดยท่านอนาถบิณทิกเศรษฐี มหาเศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถี และที่วัดแห่งนี้พระพุทธองค์ประทับจำพรรษานานถึง 19 พรรษา นมัสการ พระคันธกุฎี, หมู่กุฎิของพระอรหันต์ สวดมนต์  ปฏิบัติบูชา กราบสักการะอานันทโพธิ์ เป็นต้นโพธิ์ที่ปลูกสมัยพุทธกาลโดยนำเม็ดมาจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่ยังไม่มีการบันทึกว่าถูกทำลายมาจนถึงปัจจุบัน
  • ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารของวัดไทยเชตวัน / ร่วมกันทำบุญทอดผ้าป่า / พักผ่อนตามอัธยาศัย

ที่พักคืนนี้  วัดไทยเชตวัน พักห้องละ 2 - 4 ท่าน

อาหารไทย โดยแม่ครัวคนไทย

สถานที่แสวงบุญ DAY03

ลุมพินี - สาวัตถี

อนาถบิณฑิกสถูป

เรื่องราวของอนาถบิณฑิกเศรษฐี มีปรากฏมากมายในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา เป็นเรื่องราวที่แสดงถึงความศรัทธา ความมีสติปัญญา และความเอาใจใส่ในการบำรุงพระพุทธศาสนา ทำให้ท่านได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าให้เป็น อุบาสกผู้เลิศในการเป็นผู้ถวายทาน

วัดเชตวันมหาวิหาร

วัดเชตวันมกหาวิหารแห่งนี้นับว่าเป็นวัดและที่มั่นสำคัญในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาในสมัยพุทธกาล และเป็นวัดที่พระพุทธเจ้าประทับจำพรรษามากที่สุดถึง 19 พรรษา วัดเชตวันมหาวิหารเป็นสถานที่เกิดเรื่องราวต่าง ๆ ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนามากมาย

พระคันธกุฎีภายในวัดเชตวันมหาวิหาร

พระมูลคันธกุฎี" ในพุทธประวัติ เล่าว่าสถานที่ประทับของพระพุทธเจ้าทุกแห่งจะมีผู้นำของหอมนานาชนิดไม่ว่าจะเป็นไม้หอม ดอกไม้หอม เป็นต้น มาบูชาพระพุทธเจ้ามิได้ขาด 

วันที่สี่ : วันอังคารที่ 17 ตุลาคม 2566

สาวัตถี - พาราณสี   

  • 05.00 น.  รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของวัดที่เข้าพัก
  • เช้า ออกเดินทางสู่เมืองพาราณสี (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 – 12 ชั่วโมง)
  • 11.30 น. ถวายภัตตาหารเพลและรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทาง / ร่วมกันทำบุญผ้าป่าตามกำลังศรัทธา
  • เย็น ถึงเมืองพาราณสี มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 4,000 ปี เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของประเทศอินเดียและยังจัดเป็นเมืองที่มีผู้อยู่อาศัยต่อเนื่องยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์โลกด้วยพาราณสียังเป็นเมืองที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธศาสนาในหลายด้าน โดยมีอาณาเขตครอบคลุมถึงป่าอิสิปตนมฤคทายวัน ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาแก่พระปัญจวัคคีย์ ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า สารนาถ.
  • จากนั้น นำท่าน ล่องเรือชมแม่น้ำคงคา ชมความสวยงามของเมืองพาราณสี และชม พิธีคงคาอารตีบูชา หรือเรียกอีกอย่างว่า พิธีบูชาไฟ
  • ค่ำ ร่วมกันรับประทานอาหาร ณ ห้องอาหารที่ THE FERN RESIDENCY SARANARTH หรือเทียบเท่า / พักผ่อนตามอัธยาศัย

ที่พักคืนนี้ วัดไทยสารนารถ

พักห้องละ 4 ท่าน อาหารไทย

แม่น้ำคงคา

แม่น้ำคงคาเป็นแม่น้ำที่ศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในศาสนาฮินดู และเป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ช่วยให้ผู้คนริมฝั่งดำรงและดำเนินชีวิตได้ ในทางฮินดูนับถือแม่น้ำคงคาในรูปของพระแม่คงคา

วันที่ห้า : วันพุธที่ 18 ตุลาคม 2566

พาราณสี - พุทธคยา 

  • 06.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของวัดที่เข้าพัก
  • เช้า นำทุกท่านเข้าสักการะ ธัมเมกขสถูป สถานที่พระพุทธองค์ทรงแสดงปฐมเทศนา "ธัมมจักกัปปวัตนสูตร"  โปรดปัญจวัคคีย์ ทั้ง 5 กราบสักการะบูชาและเวียนประทักษิณรอบองค์พระธัมเมกขสถูป สักการะ พระมูลคันธกุฏี เป็นสถานที่ที่พระพุทธเจ้าทรงประทับจำพรรษาแรกใกล้กับพระมูลคันธกุฏี มี เสาอโศก หรือ เสาหินพระเจ้า อโศกมหาราช แม้จะหักออกเป็น ๕ ท่อน ก็ยังถูกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีถือเป็นโบราณวัตถุที่สำคัญที่สุดของอินเดีย ชม ยสะสถูป และ ซากฐานเจดีย์ธรรมราชิกสถูป สถานที่พระพุทธองค์ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร โปรดปัญจวัคคีย์  ทำให้ปัญจวัคคีย์บรรลุเป็นพระอรหันต์
  • 11.00 น. ร่วมถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ และร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่วัดไทยระหว่างทาง / ร่วมกันทำบุญผ้าป่าตามกำลังศรัทธา
  • บ่าย เมื่อได้เวลาอันสมควรนำทุกท่านออกเดินทางสู่เมืองพุทธคยา (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6-8 ชั่วโมง ตามสภาพการจราจร )
  • เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ ห้องอาหารของวัดที่เข้าพัก

ที่พักคืนนี้ วัดป่าพุทธคยา พักห้องละ 4 ท่าน มีห้องน้ำในตัว

อาหารไทยโดยแม่ครัวคนไทย

แสวงบุญพุทธสังเวชนียสถานที่ 3

ธัมเมกขสถูป

ธรรมเมกขสถูป เป็นพุทธสถานขนาดใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุด สันนิษฐานว่าบริเวณที่ตั้งของธรรมเมกขสถูป เป็นสถานที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนาประกาศพระสัจจธรรมเป็นครั้งแรกที่นี่

ยสะสถูป

ยสะสถูป สถานที่พระยสเถระบรรลุพระอรหันต์ (พระอริยสาวกองค์ที่ 6) พร้อมกับบิดาของท่านที่ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน เป็นอุบาสกคนแรกของโลก

เสาอโศก

ซากเสาหินพระเจ้าอโศกมหาราชที่ถูกทุบทำลาย

วันที่หก : วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2566

พุทธคยาทั้งวัน

  • เช้า รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารวัดไทยที่เข้าพัก
  • นำทุกท่านเข้าสักการะ เจดีย์มหาโพธิ์ ร่วมสวดมนต์บูชา ถวายผ้าห่มองค์พระพุทธเมตตา ชม สัตตมหาสถานจำลอง ที่พระองค์ทรงเสวยวิมุตติสุขอยู่ 7 สัปดาห์ คือ อนิมิสสเจดีย์ รัตนจงกรมเจดีย์ รัตนฆรเจดีย์ และสระมุจลินทร์
  • 11.30 น. ถวายภัตตาหารเพลและรับประทานอาหารกลางวัน ณ วัดไทยที่เข้าพัก
  • บ่าย นำทุกท่านเดินทางสู่ เขาดงคะสิริ ขึ้นกราบสักการะสถานที่บำเพ็ญทุกกรกิริยาของเจ้าชายสิทธัตถ ก่อนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า
  • จากนั้น นำทุกท่านเดินทางไปที่ สถูปเนินดินบริเวณที่เคยเป็น บ้านนางสุชาดา ผู้ถวายข้าวมธุปายาสก่อนวันตรัสรู้
  • หลังจากนั้น นำท่านเยี่ยมชม ต้นอชปาลนิโครธ  สถานที่ทรงรับข้าวมธุปายาสก่อนตรัสรู้ และ เป็นสถานที่ทรงเสวยวิมุตติสุขสัปดาห์ที่5 และชม แม่น้ำเนรัญชราสถานที่ที่พระพุทธเจ้าอธิษฐานจิตลอยถาดทองคำที่นางสุชาดาถวายพร้อม”ข้าวมธุปายาส”
  • เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ วัดไทย / ร่วมกันทำบุญทอดผ้าป่าตามกำลังศรัทธา / พักผ่อนตามอัธยาศัย

ที่พักคืนนี้ วัดป่าพุทธคยา พักห้องละ 4 ท่าน มีห้องน้ำในตัว

อาหารไทย โดยไม่ครัวคนไทย

แสวงบุญสังเวชนียสถานที่ 4

มหาโพธิวิหาร หรือ เจดีย์มหาโพธิ์

มหาโพธิวิหาร วิหารแห่งการตรัสรู้อันยิ่งใหญ่ เป็นแหล่งมรดกโลกของยูเนสโก ซึ่งเป็นพุทธศาสนสถานเก่าแก่แต่ได้ถูกสร้างใหม่และบูรณะอยู่หลายครั้ง ตั้งอยู่ในเมืองพุทธคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย สร้างขึ้นตรงจุดที่เชื่อว่าพระโคตมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า

เขาดงคะสิริ

เป็นสถานที่บำเพ็ญทุกรกิริยาของพระพุทธเจ้า ก่อนที่จะทรงตรัสรู้พระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ หรือโมกขธรรม หมายถึง หลักธรรมแห่งการหลุดพ้นจากกิเลสทั้งมวล 

บ้านนางสุชาดาสถูป

สถูปสร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์ของนางสุชาดา, พำนักอยู่ที่หมู่บ้านอุรุเสนานิคม, ผู้ถวายข้าวมธุปายาสแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นข้าวผสมกับนมและธัญพืชขณะที่ทรงประทับอยู่ใต้ต้นไทร เป็นการยุติการบำเพ็ญทุกขรกิริยาตลอด 7 ปีของพระพุทธองค์ 

วันที่เจ็ด : วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม 2566  

พุทธคยา - ราชคฤห์ - นาลันทา - พุทธคยา

  • 05.00 น. นำทุกท่านออกเดินทางสู่เมืองราชคฤห์ แวะรับประทานอาหารเช้าที่วัดไทยระหว่างทาง / ร่วมถวายทำบุญผ้าป่าตามกำลังศรัทธา
  • จากนั้น นำทุกท่านเดินขึ้น เขาคิชกูฎ (ระยะทางขึ้นเขาคิชกูฎประมาณ 1 กิโลเมตร ทางเดินขึ้นเขาลาดชัน แต่ปูลาดเดินง่าย เดินสะดวก แนะนำ ผู้ใหญ่ที่ขาเจ็บ หัวเข่าเจ็บ ขาไม่ดี เดินไม่ค่อยไหว นี่มีสเลียงไว้ให้บริการ ถ้าต้องการใช้บริการ กรุณาแจ้งทีมงานล่วงหน้า) กราบสักการบูชา ถ้ำพระมหาโมคคัลลานะ สถานที่ที่อัครสาวกเบื้องซ้ายด้านผู้มีฤทธิ์มากได้สำเร็จ พระอรหันต์ สักการะ ถ้ำสุกรขาตา หรือ ถ้ำพระสารีบุตรสถานที่ที่อัครสาวกเบื้องขวา ด้านผู้มีปัญญาเป็นเลิศ สำเร็จพระอรหันต์ จากนั้นขึ้นสักการะบูชาที่ พระคันธกุฎี กุฏิพระพุทธเจ้าและกุฏิพระอานนท์ พุทธอุปัฏฐาก 
  • จากนั้น นำทุกท่านเข้าชม วัดพระเวฬุวัน วัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนาสร้างถวายโดยพระเจ้าพิมพิสาร เป็นสถานที่เกิดวันมาฆบูชา และทรงจำพรรษาที่วัดแห่งนี้
  • 11.00 น. ร่วมถวายภัตตาหารแด่พระภิกษุสงฆ์ และร่วมรับประทานอาหารกลางวันที่วัดไทย / ทำบุญถวายผ้าป่าตามกำลังศรัทธา
  • บ่าย นำทุกท่านเข้ากราบสักการะหลวงพ่อพระพุทธรูปองค์ดำ หรือที่ชาวบ้านเรียก หลวงพ่อน้ำมัน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุนับพันปี ชาวท้องถิ่นเชื่อว่าขอพรให้สุขภาพแข็งแรงให้หายจากโรคภัยได้ คณะแสวงบุญที่เลื่อมใสศรัทธาจึงพากันไปขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคล
  • จากนั้น นำท่านเข้าเยี่ยมชม มหาวิทยาลัยนาลันทา(เก่า) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของพระพุทธศาสนา เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่เคยรุ่งเรืองที่สุดในโลก ปัจจุบันเหลือซากปรักหักพังที่สะท้อนให้เห็นถึงยิ่งใหญ่ในอดีต กราบสักการะบูชาสถูปบ้านและสถานที่นิพพานของพระสารีบุตรอัครสาวกเบื้องขวาหลังจากนั้น  นำทุกท่านเดินทางกลับพุทธคยา และ อิสระเลือกซื้อของฝาก
  • เย็น รับประทานอาหารเย็น ณ วัดไทย / พักผ่อนตามอัธยาศัย

ที่พักคืนนี้ วัดป่าพุทธคยา พักห้องละ 4 ท่าน มีห้องน้ำในตัว

อาหารไทย โดยแม่ครัวคนไทย

สถานที่แสวงบุญ DAY07

พระคันธกุฎีบนเขาคิชกูฎ

พระคันธกุฎี เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า บนยอดเขาคิชกูฎ ห่างไกลเสียงอึกทึกครึกโครมของตัวเมือง คิชฌกูฏเป็นสถานที่เงียบสงัดเหมาะสำหรับจิตพึงให้อยู่ในความสงบ ทั้งอากาศและบรรยากาศเป็นที่โน้มน้าวจิตใจให้ใสสะอาดได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้พระพุทธองค์จึงมักเสด็จมาประทับที่นี่เสมอ

หลวงพ่อองค์ดำ

หลวงพ่อองค์ดำ เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวเท่านั้นที่เหลือรอดจากการถูกทำลายของมุสลิม และไม่ถูกอังกฤษยึดไป

ซากของมหาวิทยาลัยนาลันทา

มหาวิทยาลัยนาลันทา หรือ นาลันทามหาวิหาร เป็นหนึ่งมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดให้โลกและมีความสำคัญอย่างมากต่อพระพุทธศาสนา

วันที่แปด : วันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566

พุทธคยา - ปัฎนะ - โกลกัลต้า - สนามบินนนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ (ประเทศไทย)

  • 06.00 น. รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของวัดที่เข้าพัก
  • เช้า นำทุกท่านเดินทางจากพุทธคยาสู่เมืองปัฎนะ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 – 4 ชั่วโมง ตามสภาพจราจร )
  • จากนั้น นำทุกท่านเข้าเยี่ยม วัดอโศการาม ซึ่งเป็นวัดสำคัญในรัชกาลพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงสร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา และเป็นสถานทำสังคยานาครั้งที่ 3 พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงอุปถัมภ์ในการทำสังคยานาครั้งนี้
  • 11.30 น. ร่วมรับประทานอาหารกลางวัน
  • หลังจากนั้น นำทุกท่านเข้า กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ภายในพิพิธภัณฑ์ปัฏนะ ซึ่งขุดค้นได้จากปาวาลเจดีย์ เมืองไวสาลี ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ส่วน ที่กษัตริย์ลิจฉวี แคว้นวัชชีได้รับส่วนแบ่งมาจากเมืองกุสินารา
  • 13.30 น. นำทุกท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองปัฏนะ
  • 16.20 น. ออกเดินทางกลับสู่เมืองโกลกัลต้า โดยสายการบินอินดิโก้ เที่ยวบินที่ 6E736 ( ใช้เวลาเดินทางโดยประมาณ 01.10 ชม.)
  • 17.30 น. ถึงสนามบินโกลกัลต้า รอต่อเครื่อง 4 ชั่วโมง
  • 21.30 น. ออกเดินทางกลับประเทศไทย โดยสายการบินอินดิโก้ เที่ยวบินที่ 6E1057 ใช้เวลาบินประมาณ 2.40 ชั่วโมง
  • 01.40 น. ถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ

 

*** โปรแกรมอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม โดยคำนึงถึงประโยชน์ของท่านเป็นหลัก

 

สถานที่แสวงบุญ DAY 08

วัดอโศการาม

อโศการาม สถานที่นี้ เคยเป็นที่ทำตติยสังคายนา อารามแห่งเดียวในพระพุทธศาสนาในเมืองปัฏนาที่ยังคงเหลือซากอยู่ ปัจุบันคงเหลือเพียงเสาหิน ของอาคารใหญ่ ที่พระเจ้าอโศกทรงสร้างขึ้น

พระบรมสารีริกธาตุ เมืองปัฏนะ

ซึ่งขุดค้นได้จากปาวาลเจดีย์ เมืองไวสาลี ซึ่งเป็น 1 ใน 8 ส่วน ที่กษัตริย์ลิจฉวี แคว้นวัชชี ได้รับส่วนแบ่งมาจากเมืองกุสินารา

พิพิธภัณฑ์ปัฏนะ

ชาวพิหารเรียกสถานที่แห่งนี้จนติดปากว่าชาดู ฆาร์ (Jadoo Ghar) ที่มีความหมายว่า ‘บ้านมหัศจรรย์’ เนื่องจากพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งของหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโบราณวัตถุในประเทศ เครื่องเคลือบจากยุโรปและจีน

เดินทางกลับสู่สุวรรณภูมิด้วยความอิ่มใจ อิ่มบุญ อิ่มท้อง 

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้โอกาสเลิศบุญทัวร์ ดูแล อำนวยความสะดวก ในการเดินทางแสวงบุญกับทุกท่าน