ไหว้พระพุทธคยา เที่ยวต่ออชันต้า เอลโลร่า มุมไบ 21-29 ตค.2566

ไหว้พระพุทธคยา กราบพระบรมสารีริกธาตุปัตนะ

อชันต้า เอลโลร่า มุมไบ

 พาไปมูวัดพระพิฆเนศ สิทธิวินายัก 

21-29 ตุลาคม 2566 

อชันต้า เอลโลร่า เต็มอิ่ม 

เดินเล่นชิวๆ ช้อปปิ้งเรื่อยๆย่าน Colaba Causeway

 

1. สถานที่เยี่ยมชม : พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ พระบรมสารีริกธาตุ ปัตนะ อชันต้า เอลโลร่า มุมไบ

สถานที่ตามโปรแกรมสรุป (โปรแกรมเต็มดูด้านล่างค่ะ)

21 ตค. 66 : กรุงเทพ - โกลกาต้า - พุทธคยา

22 ตค. 66 : พุทธคยา เต็มวัน

23 ตค. 66 : พุทธคยา - ราชคฤห์ - นาลันทา - ปัตนะ

24 ตค. 66 : ปัตนะ (สักการะพระบรมสารีริกธาตุ) - บินภายในต่อไปมุมไบ 

25 ตค. 66 : มุมไบเต็มวัน วัดพระพิฆเนศเช้า บ่ายช้อปปิ้ง

26 ตค. 66: เดินทางไปออรังกบาด 

27 ตค. 66 : ถ้ำอชันต้าเต็มวัน 

28 ตค. 66 : ถ้ำเอลโลร่า + mini ทัชมาฮาล +เดินเล่นในเมืองออรังกบาด

29 ตค. 66 : เดินทางกลับไทย ออกไปสนามบินเช้า ต่อเครื่องประมาณ 4 ชม.ที่เดลี ถึงกรุงเทพค่ำๆค่ะ           

2. การเดินทาง 

2.1 ขาไป กรุงเทพ - โกลกาต้า - พุทธคยา 

สายการบิน Indigo ไฟลท์ 6E 1058 02:40-03:45 + 6E 201 14:55-15:50

2.2. บินภายใน ปัตนะ มุมไบ 

สายการบิน Air India ไฟลท์ AI 732 13:55-17:20

2.2 ขากลับ ออรังกบาด - กรุงเทพ  

ออรังกบาด - เดลี Air India ไฟลท์ AI 444 07.40-09.25 ต่อเครื่อง 4 ชม.

เดลี - กรุงเทพ Air India ไฟลท์ AI 332 13.45-19.20 

2.3 ภายในอินเดีย

ใช้รถบัสส่วนตัวตลอดเส้นทาง (ไม่ต้องเปลี่ยนรถ ของอะไรที่ใช้บนรถเช่นหมอน ผ้าห่ม ของฝากที่ยังไม่ได้แพ็คเอาไว้บนรถได้ ไม่ต้องเอาลงทุกวันค่ะ)

3. ที่พัก : โรงแรม 

  • มุมไบ : Hotel Suba Palace อยู่กลางเมืองมุมไบ ย่านColaba Causeway เดินเล่น ช้อปปิ้งสบายๆค่ะ
  • ออรังกบาด : Hotel 7 apples
  • พุทธคยา : วัดเนรัญชราวาส สร้างโดยหลวงพ่อถาวร จิตตวโร อดีตรองเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ดีกว่าหลายโรงแรมในพุทธคยา อาหารไทยดีมากค่ะ

โรงแรมที่คัดเลือกมาเป็นโรงแรมที่คุ้นเคยกับการให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้าใจทั้งวัฒนธรรมการกินของชาวต่างชาติเป็นอย่างดีและมารยาทสากล อาหารเป็นอาหารจีน ไทยและอินเดียผสมผสานกัน รสชาตมาตรฐาน ทานได้แน่นอนค่ะ

4. อาหาร  

มุมไบ : พาไปทานร้านเก่าแก่แถวๆ Colaba Causeway ค่ะ 

ออรังกบาด : ทานที่ร้านอาหารแถวๆถ้ำอชันต้า ของการท่องเที่ยวอินเดีย และถ้ำเอลโลร่า โรงแรมไกรลาส อยู่ห่างจากถ้ำ 10 ก้าวค่ะ และอาหารไทยที่วัดค่ะ

5. ราคา 

ท่านละ 50,500 บาท (ไม่มีการเก็บค่าทัวร์จุบจิบเพิ่มหน้างาน)

5.1 ราคารวม 

  • ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับและบินภายใน ไฟลท์ตามกำหนดการ
  • ค่ารถบัสที่ใช้ในการเดินทางในอินเดียทุกเมือง
  • ค่าที่พักทุกเมือง // ค่าอาหารทุกมื้อ
  • ค่าเข้าชมสถานที่ทุกเมือง (พิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน วัดตามเมืองต่างๆ)
  • ค่าวีซ่าอินเดีย e-visa 30 วัน 
  • ค่าประกันการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท กรณีเสียชีวิตระหว่างการเดินทาง (ไม่รวมประกันความเสียหายของสิ่งของและประกันสุขภาพ) 

5.2 ราคาไม่รวม 

  • ค่าทิปเจ้าหน้าที่ทัวร์(คนขับรถ เด็กรถ ไกด์อินเดีย เจ้าหน้าที่ยกกระเป๋าของวัด ท่านละ 1000 บาท / ทั้งทริป
  • ค่าน้ำหนักกระเป่าเดินทางโหลดใต้ท้องเครื่องที่เกินกว่าที่ระบุในกำหนดการ
  • ค่าทำพาสปอต ค่าเดินในประเทศไทยในวันเดินทางไปและกลับ
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าของฝาก เงินทำบุญ ค่าซิมโทรศัพท์
  • ค่าประกันทรัพย์สินเสียหายจากการเดินทาง 
วิหารไกรลาส ณ ถ้ำเอลโลร่า

วันที่ 0 : 20 ตุลาคม 2566  กรุงเทพ สุวรรณภูมิ - โกลกาต้า 

 

 22.00 น.  พบกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตู 2 เช็คอินสายการบิน Indigo ไฟลท์ 6e77   

 

วันที่ 1 : 21 ตุลาคม 2566  : โกลกาต้า - พุทธคยา

02.40 น.

 ออกเดินทางสู่โกลกาต้า เมืองหลวงแห่งรัฐเบงกอลตะวันออก
03.45 น.

ถึงสนามบินโกลกาต้า ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินเอกสารฟ้าจัดการเขียนให้ทั้งหมด นอนพักผ่อนบนเครื่องได้เลยค่ะ

14.55 น.

ต่อเครื่องสายการบินเดียวกันไปยังพุทธคยา ไกด์ท้องถิ่นมารอรับที่สนามบินคยา เดินทางไปวัดเนรัญชราวาส 

พักผ่อนรอคณะใหญ่มาสมทบและทานอาหารเย็นด้วยกันที่วัดเนรัญชราวาสค่ะ

 

วันที่ 2 : 22 ตุลาคม 2566  : พุทธคยา 

ช่วงเช้า

ทานอาหารเช้าที่วัดออกมาเยี่ยมชมสถานที่ดังนี้ 

  • เขาดงคสิริ เป็นสถานที่บำเพ็ญทุกรกริยาของท่านค่ะ เจ้าชายสิทธัตถะใช้เวลาที่นี่ 6 ปีกว่าจะตรัสรู้ 
  • สถูปบ้านนางสุชาดา

กลางวันกลับไปทานอาหารที่วัดเนรัญและทอดผ้าป่าบำรุงวัดและช่วงบ่าย ให้เวลาอิสระ ตารางสบายๆค่ะ

  • ให้เวลาอิสระสำหรับช้อปปิ้งของฝาก
  • ปฏิบัติธรรมตามอัธยาศัย ณ ต้นพระศรีมหาโพธิ์
ช่วงเย็น ทานอาหารเย็น และพักผ่อน ณ วัดเนรัญชราวาส

 วันที่ 3 : 23 ตุลาคม 2566  : พุทธคยา - ราชคฤห์ - นาลันทา - ปัตนะ 

ช่วงเช้า

ทานอาหารเช้าที่วัดเนรัญชราวาสและออกเดินทางไปยังเมืองราชคฤห์ซึ่งเป็นเมืองสำคัญมากในชีวิตของพระพุทธเจ้า ราชคฤห์แห่งนี้เป็นเมืองแรกในแดนพุทธภูมิที่พุทธศาสนาตั้งมั่นโดยมีพุทธสาวกคนสำคัญคือพระเจ้าพิมพิสาร ปาวารณาตัวเป็นพุทธศาสนิกชน ในราชคฤห์จึงมีสถานที่มากมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพระพุทธเจ้าให้เราได้ศึกษาและกราบสักการะเช่น

  • วัดเวฬุวัน วัดแห่งแรกในพุทธศาสนา
  • วัดและสถานพยาบาลของหมอชีวกโกมารภัฏ
  • ยอดเขาคิชกูช สถานที่ปลีกวิเวกของพระพุทธเจ้า ตรัสเทศน์หลายพระสูตรที่นี่และมีถ้ำอัครสาวกทั้งสอง และสถานที่พระสารีบุตรบรรลุธรรม
  • คุกสถานที่คุมขังพระเจ้าพิมพิสาร ถูกจับขังโดยลูกชายของตนคือพระเจ้าอชาตศัตรูเพราะหลงผิดไปคบคิดกับพระเทวทัต
  • ตะโปทาราม สถานที่อาบน้ำสาธารณของคนอินเดียท้องถิ่น สถานที่นี้นอกจากจะเป็นสถานที่ท้องถิ่น แสดงถึงวัฒนธรรมของชาวอินเดียแล้วยังแสดงธรรมได้ชัดเจนอีกด้วย

ทานกลางวันกันที่วัดไทยสิริราชคฤห์และเดินทางต่อไปที่นาลันทา เมืองใกล้ๆเพื่อไปกราบสักการะ

  • หลวงพ่อองค์ดำ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเผาทำลายจากกองทัพมุสลิมแต่เผาอย่างไรก็ไม่ไหม้ ท่านจึงขึ้นชื่อเรื่องการให้พรด้านสุขภาพ ไปขอพรท่านกันค่ะ
  • มหาวิทยาลัยนาลันทา ด้านในมีสถูปพระสารีบุตร สถานที่ท่านโปรดโยมแม่ก่อนนิพพาน

เรื่องราวเหล่านี้แค่เกริ่นๆค่ะ พอไปถึงสถานที่จริงๆได้ฟังวิทยากรกันเพลินหู ดูข้างทางกันเพลินตาแน่นอนค่ะ

ช่วงเย็น ทานอาหารเย็น พักผ่อนที่โรงแรม Patliputra Continental

 ข้อมูลน่ารู้ตามเส้นทางสังเวชนียสถาน

ราชคฤห์ไม่ได้เป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถาน 4 ตำบลแห่งใดเลย แต่เป็นเมืองสำคัญมากในยุคพุทธกาลเพราะเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธ 1 ในแคว้นมหาอำนาจในยุคนั้น ปกครองโดยพระเจ้าพิมพิสารพระเจ้าพิมพิสารเคยเจอเจ้าชายสิทธัตถะแล้วก่อนแล้วเมื่อครั้งทรงออกบวชและเดินมาจากกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ด้วยวรรณะ ผิวพรรณ หน้าตา เมื่อมาถึงราชคฤห์ชาวบ้านก็อื้ออึงกันถึงความงามจนพระเจ้าพิมพิสารเสด็จไปพบพร้อมเสนอให้ออกจากเพศนักบวชแล้วมาช่วยกันปกครองแคว้นมคธ เจ้าชายสิทธัตถะทรงปฏิเสธไป พระเจ้าพิมพิสารจึทูลขอว่าหากทรงตรัสรู้ธรรมเมื่อใดให้มาโปรดท่านด้วย เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้อนุตตระสัมมาสัมโพธิญาณใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้ว ก็ทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ทรงเสด็จกลับไปโปรดพระเจ้าพิมพิสาร และพุทธศาสนาก็ตั้งมั่นที่ราชคฤห์เป็นแห่งแรกในโลก นับจากนั้นเป็นต้นมา

 

วัดเวฬุวัน วัดแห่งแรกในพุทธศาสนา เมืองราชคฤห์ หลวงพ่อองค์ดำ นาลันทา
วัดเวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพุทธศาสนา กุฏิพระพุทธเจ้าบนยอดเขาคิชกูช ราชคฤห์ หลวงพ่อองค์ดำ นาลันทา เตรียมน้ำมันมะพร้าวไปทาขอพรเรื่องสุขภาพค่ะ

  วันที่ 4 : 24 ตุลาคม 2566  : ปัตนะ - สักการะพระบรมสารีริกธาตุ - มุมไบ

ช่วงเช้า

ทานอาหารเช้าที่โรงแรมและออกเดินทางเพื่อไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ณ ปัตนะ หลังจากนั้นเดินทางไปสนามบินเพื่อเดินทางไปมุมไบด้วยสายการบินIndigo ไฟลท์ 6e2167 

18.00 น.

เดินทางถึงมุมไบ ทานอาหารเย็นที่โรงแรม Suba Palace โรงแรมอยู่ใจกลางย่าน Colaba Causeway สามารถออกมาเดินเล่น ช้อปปิ้งได้ตามสะดวกค่ะ

 

วันที่ 5 : 25 ตุลาคม 2566 : มุมไบเต็มวัน  

ช่วงเช้า

ทานอาหารเช้าที่โรงแรมและเดินทางชมเมืองมุมไบ

  • วัดสิทธิวินายัก วัดพระพิฆเนศที่โด่งดังที่สุดในรัฐมหาราษฏระ จุดศูนย์ความศรัทธาทั่วอินเดีย คนดังในวงการ Bollywood ต่างต้องหาเวลามาขอพรองค์สิทธิวินายักจากที่นี่ ในรูปคือDeepika Padukone นางเอกจากเรื่อง Padmavat ไปขอพรก่อนหนังออกฉาย
  • Deepika Padukone is a picture of devotion as she visits Siddhivinayak Temple  to pray for Chhapaak. See pics | Bollywood - Hindustan Times
  • Dhobi Ghat อยู่ใกล้กับสลัมมุมไบ ชุมชนแออัดที่ใหญ่ที่สุดในมุมไบ ชาวบ้านมีอาชีพรับจ้างซักผ้าจากโรงแรมหรู
  • สถานีรถไฟฉัตราปติ ชีวาจิค เทอร์มินัส(Chhatrapati Shivaji Terminus) สถานีรถไฟหลักของมหานครมุมไบ ภายนอกเป็น สถาปัตกรรมไสตล์อังกฤษที่งดงาม (ถ่ายรูปจากด้านนอก ไม่เข้าไปในสถานีเพราะคนเยอะมากค่ะ)        

ทานอาหารกลางวัน ณ ร้านอาหาร 

บ่าย เที่ยวชมย่านColaba Causeway ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมืองมุมไบ ท่ามกลางตึกไสตล์อังกฤษที่เจ้าอาณานิคมมาสร้างไว้ต้อนรับข้าหลวงที่เดินทางมาจากเกาะอังกฤษ ย่านนี้จึงผสานกลิ่นอายของยุโรปและอินเดียเอาไว้

เย็น ทานอาหารที่ร้านอาหารที่จองไว้ และเดินเล่นต่อตามสะดวกค่ะ 

 

leopold cafe ร้านเก่าแก่ดัง้เดิมในมุมไบ พาไปทานในทัวร์สังเวชนียสถาน อชันต้า มีนาคม 2566    
  

วันที่ 6 : 26 ตุลาคม 2566 : มุมไบ - ออรังกบาด  

ช่วงเช้า

ทานอาหารเช้าและออกเดินทางสู่เมืองออรังกบาด วันนี้เดินทางทั้งวันค่ะ จะถึงออรังกบาดประมาณบ่าย-เย็น

ทานอาหารกลางวันระหว่างทาง (แพ็คข้าวกล่องหรือแซนด์วิช Starbuck ค่ะ)

ช่วงเย็น ทานอาหารเย็นและพักผ่อน ณ โรงแรม 7 apples

 วันที่ 7 : 27 ตุลาคม  2566  : ถ้ำอชันต้า เต็มวัน

ช่วงเช้า

วันนี้อุทิศให้ถ้ำอชันต้าค่ะ ทานอาหารเช้าและออกเดินทางกัน เตรียมหมวด ร่ม กระบอกน้ำให้พร้อม ถ้ำอชันต้าห่างจากเมืองออรังกบาดไปประมาณ 3 ชม.

กลุ่มวัดถ้ำอชันต้าเป็นวัดถ้ำเก่าแก่ที่สวยงามที่สุดในแถบอินเดีย ถูกสร้างขึ้นโดยการขุดเจาะภูเขาลงไปเป็นวัด สถานที่สวดมนต์ ประกอบพิธีสงฆ์ และวิหารสถานที่จำวัดของพระสงฆ์ในสมัยนั้น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปีค.ศ.1983 ประกอบไปด้วยถ้ำ 28 ถ้ำ มีอายุกว่า 2,000 ปีสร้างขึ้นโดยประมาณ พ.ศ.700-1300 ก่อนถูกทิ้งร้าง และถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยคณะล่าสัตว์ชาวอังกฤษ ถ้ำอชันต้า เป็นต้นแบบการขุดเจาะภูเขาเป็นศาสนสถาน โดยมีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมและภาพเขียนสีผนังสมัยโบราณ ซึ่งภาพวาดเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องราวเกี่ยวพุทธประวัติและพระโพธิ์สัตว์ของมหายาน เป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าพุทธศาสนาตั้งมั่นอยู่บริเวณแถบนี้มาก่อนเมืองออรังกาบาดจะถูกปกครองโดยศาสนาอิสลาม นำโดยราชวงศ์โมกุล

เราจะใช้เวลาที่นี่เต็มที่ในการเดินชมภาพเขียนและสถาปัตยกรรมซุ้มประตูที่แกะสลักด้วยมือคนเป็นๆสวยๆกันตามสบาย ค่อยๆเดินค่ะ ไม่รีบ

ช่วงเที่ยงทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร และเดินทางกลับสู่เมืองออรังกาบาด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.

ช่วงเย็น ทานอาหารเย็นและพักผ่อน ณ โรงแรม 7 apples

 

ทางขึ้น ถ้ำอชันต้า เมืองออรังกบาด ถ้ำอชันต้า ในทัวร์4สังเวนียสถาน อชันต้า 2566 รูปสลักพระพุทธรูปสวยๆ ในบริเวณถ้ำอชันต้า
     

  วันที่ 8 : 28 ตุลาคม  2566  : ถ้ำเอลโลร่า 

ช่วงเช้า

ทานอาหารเช้าที่วัดและออกเดินทางสู่กลุ่มวัดถ้ำเอลโลร่า

กลุ่มถ้ำเอลโลร่าได้ต้นแบบมาจากกลุ่มถ้ำอชันต้า ประกอบไปด้วยถ้ำของ 3 ศาสนาคือพุทธ ฮินดูและเชนเมื่อได้ต้นแบบมาจากอชันต้า ลักษณะองค์ประกอบของถ้ำจึงเป็นส่วนของวัดและที่พักของพระสงฆ์ กลุ่มถ้ำของพุทธจะอยู่จากถ้ำหมายเลข 1-12 ส่วนถัดมาจะเป็นวัดของฮินดูซึ่งสร้างขึ้นมาภายหลัง โดยมีถ้ำที่โดดเด่นมากคือถ้ำที่ 16 เขาไกรลาส เป็นลักษณะการเจาะภูเขาหินทั้งลูกลงไปเป็นวิหารในศาสนาฮินดู เราจะใช้เวลาที่นี่สบายๆไม่เร่งรีบค่ะ

ทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารที่โรงแรมไกรลาสใกล้ๆถ้ำเอลโลร่า 

ช่วงบ่าย

พาไปชมbibi maqbara หรือ Mini Taj Mahal เป็นสถานที่ฝังพระศพของพระราชินีราบิยะ อุด-ดูราณี (Rabia ud-Durani) ในจักรพรรดิ ออรังเซป สร้างเลียนแบบทัชมาฮาลแห่งอักรา 

The Mini Taj — Bibi Ka Maqbara

 วันที่ 9 : 29 ตุลาคม  2566 : ออรังกบาด - กรุงเทพ

ช่วงเช้า

 ทานอาหารเช้าและออกเดินทางไปยังสนามบินออรังกบาด เช็คอินสายการบิน Air India ไฟลท์  AI 444 07.40 ถึงนิวเดลีเวลา 09.25 เราไม่ต้องไปรับและดรอปกระเป๋าใหม่ค่ะ สามารถผ่านตม.เดินตัวปลิวไปหาอะไรทานในสนามบินอินทิรา คานธีได้เลย (อาหารกลางวันอิสระในสนามบินค่ะ)

13.45น.  ขึ้นเครื่องสายการบินเดียวกันไฟลท์ AI 332 เสริฟอาหารบนเครื่อง ถึงสนามบินสุวรรณภูมิประเทศไทยเวลา 19.20น. คิดรอว่ารอบต่อไปจะไปเมืองไหนต่อกันดี และรอดูรูปสวยๆจากกลุ่มไลน์สมาชิกค่า