ทัวร์แสวงบุญ สี่สังเวชนียสถาน อินเดีย เนปาล 8-17 พฤศจิกายน 2567
ทัวร์แสวงบุญ สังเวชนียสถาน 4 ตำบล + ราชคฤห์ นาลันทา ไวสาลี สาวัตถี
8-17 พฤศจิกายน 2567 10วัน 9คืน
บินตรงคยา Full Service น้ำหนัก30kg+เสริฟอาหารบนเครื่อง
พักโรงแรม (เลือกโรงแรมเกรดดีมากในเมือง+อาหารดี+มารยาทสากล)
ดูทัวร์แสวงบุญสังเวชนียสถานให้คุณพ่อคุณแม่ แนะนำรอบนี้ค่ะ
1. สถานที่เยี่ยมชม : สังเวชนียสถาน 4 ตำบล+เมืองสำคัญ ราชคฤห์ ไวสาลี สาวัตถี
- สังเวชนียสถานแห่งที่ 1 สถานที่ตรัสรู้ : พุทธคยา
- สังเวชนียสถานแห่งที่ 2 สถานที่แสดงปฐมเทศนา : สารนาถ
- สังเวชนียสถานแห่งที่ 3 สถานที่ประสูติ : ลุมพินี
- สังเวชนียสถานแห่งที่ 4 สถานที่ปรินิพพาน : กุสินารา
- ราชคฤห์ เมืองแรกที่พุทธศาสนาตั้งมั่น สถานที่ตั้งวัดแห่งแรกในพุทธศาสนา วันเวฬุวันมหาวิหาร
- นาลันทา สถานที่ตั้งอดีตมหาวิทยาลัยนาลันทาที่เคยยิ่งใหญ่ เชื่อกันว่าเป็นบ้านเกิดของพระสารีบุตรและกราบสักการะหลวงพ่อองค์ดำ
- ไวสาลี เมืองหลวงของแคว้นวัชชี ที่ตั้งของวัดป่ามหาวัณ สถานที่พระน้านางมหาปชาบดีโคตมีออกบวช
- สาวัตถี เมืองหลวงของแคว้นโกศล ที่ตั้งวัดเชตวันมหาวิหาร สถานที่ประทับนานที่สุด 25 พรรษา สถานที่เกิดพระสูตรมากมาย
วัน+สถานที่เยี่ยมชม (โปรแกรมเต็มดูด้านล่างค่ะ)
1. | 8 พย. 67 | กรุงเทพ - พุทธคยา สถานที่ตรัสรู้ |
2. | 9 พย. 67 | พุทธคยา - ราชคฤห์ - นาลันทา เมืองแรกที่ศาสนาพุทธตั้งมั่น มีวัดแห่งแรกในอินเดีย หลวงพ่อองค์ดำนาลันทา |
3. | 10 พย. 67 | กุสินารา สถานที่ปรินิพพาน |
4. | 11 พย. 67 | กุสินารา - ลุมพินี สถานที่ประสูติ |
5. | 12 พย. 67 | ลุมพินี - สาวัตถี วัดเชตวันและเมืองที่ประทับนานที่สุด |
6. | 13 พย. 67 | สาวัตถี - พาราณสี สถานที่แสดงปฐมเทศนา ล่องแม่น้ำคงคา |
7. | 14 พย. 67 | พาราณสี - พุทธคยา |
8. | 15 พย. 67 | พุทธคยา เต็มวัน เยี่ยมชมสถานที่เกี่ยวกับพระโพธิสัตว์ก่อนตรัสรู้และสถานที่เสวยวิมุติสุขก่อนออกเดินไปโปรดปัญจวัคคีย์ |
9. | 16 พย. 67 | พุทธคยา เต็มวัน ฟ้าทราบดีถึงความตั้งใจมาสังเวชนียสถานจึงให้เวลาที่ต้นโพธิ์หรือช้อปปิ้งเต็มที่ค่า |
10. | 17 พย. 67 | พุทธคยา - กรุงเทพ |
2. การเดินทาง
- กรุงเทพ(ดอนเมือง) - พุทธคยา สายการบิน Air Asia ไฟลท์ fd122 ใช้เวลาเดินทาง 3 ชม.
- พุทธคยา - กรุงเทพ(ดอนเมือง) สายการบิน Air Asiaไฟลท์ fd123 ใช้เวลาเดินทาง 2.40 ชม.
- ภายในอินเดียใช้รถบัสส่วนตัวตลอดเส้นทาง (ไม่ต้องเปลี่ยนรถ ของอะไรที่ใช้บนรถเช่นหมอน ผ้าห่ม ของฝากที่ยังไม่ได้แพ็คเอาไว้บนรถได้ ไม่ต้องเอาลงทุกวันค่ะ)
3. ที่พัก : โรงแรม
- ปัตนะ : Hotel Patliputra Continental หรือ Hotel Panache
- พาราณสี : Hotel Pinnacle หรือ Hotel Fern
- ลุมพินี : Hotel Kasai หรือ Asian Buddha
- กุสินารา : Hotel Imperial
- สาวัตถี : Hotel Sravasti Platinum
- พุทธคยา : วัดเนรัญชราวาส สร้างโดยหลวงพ่อถาวร จิตตวโร อดีตรองเจ้าอาวาสวัดปทุมวนาราม ดีกว่าหลายโรงแรมในพุทธคยา อาหารไทยดีมากค่ะ
โรงแรมที่คัดเลือกมาเป็นโรงแรมที่คุ้นเคยกับการให้บริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เข้าใจทั้งวัฒนธรรมการกินของชาวต่างชาติเป็นอย่างดีและมารยาทสากล อาหารเป็นอาหารจีน ไทยและอินเดียผสมผสานกัน รสชาตมาตรฐาน ทานได้แน่นอนค่ะ
หมายเหตุเรื่องห้องพัก
โรงแรมพัก 2 วัดพักห้องละ 2-3 ท่านค่ะ ฟ้าเข้าใจว่าท่านใดมาด้วยกัน พี่น้อง สามีภรรยาก็อยากพักด้วยกัน เข้าใจจุดนี้มากๆค่ะ จะจัดให้พักด้วยกัน เพราะเคยได้ฟังลูกทัวร์เล่าให้ฟังว่าโดนจับแยกหญิงชายเด็ดขาดถึงแม้ว่าจะมาเป็นคู่ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมต้องเลือกที่พักอย่างละเอียดกว่าจะทำออกมาได้แต่ละทริปค่า
4. อาหาร
อาหารจีน ไทยและอินเดียผสมผสานกัน รสชาตมาตรฐาน ทานได้แน่นอนค่ะ ส่วนอาหารกลางวันเป็นข้าวกล่องแพ็คจากโรงแรมหรือวัดไทยบริเวณใกล้เคียง เนื่องจากระหว่างเดินทางมีแต่ร้านอาหารท้องถิ่น อินเดียแท้ๆอาจทานลำบาก จึงแพ็คอาหารกล่องไปแล้วแวะทานระหว่างทาง บางเมืองมีวัดไทยระหว่างทางก็จะแวะพักทานอาหาร เข้าห้องน้ำกันค่ะ
5. ราคา
- ท่านละ 53,500 บาท (All Inclusive ไม่ต้องจ่ายเพิ่มจุกจิก + ไม่มีการเก็บค่าทัวร์เพิ่มหน้างาน)
หลายท่านสงสัยว่าทำไมราคาสูง+ใช้เวลาหลายวัน ฟ้าเลือกทุกอย่างเองค่ะ รถ ที่พัก ไกด์และตารางเข้าแต่ละสถานที่ไม่อัด เดินทางระหว่างวัน ถึงเมืองก็เข้าสถูปไปกราบมีเวลาก็ใช้เวลากันในนั้นนานๆ อุตส่าห์บินมาตั้งไกลเนอะ ประกอบกับที่ใช้เวลาหลายวันคือวางวันไว้เผื่อแอคซิเดนท์ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเรายังมีเวลาให้ขยับขยายได้บ้าง ถ้าไม่แอคซิเดนท์คือได้ไปที่แถมแน่นอน ไปสังเวชนียสถานฟ้าเชื่อว่าทุกคนตั้งใจไป ในเมื่อตั้งใจ อยากให้ไปทั้งที ไปดีๆให้สมความตั้งใจไปเลย ดีกว่ามานั่งเสียดายเงินค่ะ
ลูกหลานที่เลือกทัวร์ให้สว.ที่บ้านไป ไม่ต้องกังวลใจนะคะ ดูแลให้อย่างดีค่ะ แต่อยากให้พาไปเองดีกว่า ลูกหลานพาคุณพ่อคุณแม่คุณย่าคุณยายไปทัวร์สังเวชนียสถาน มันดีต่อใจจริงๆค่ะ
5.1 ราคารวม
- ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ ไฟลท์ที่ระบุในกำหนดการ (น้ำหนัก 30 กก. + เสริฟอาหารเช้าขาไป อาหารกลางวันขากลับค่ะ)
- ค่ารถบัสที่ใช้ในการเดินทางในอินเดีย ค่าเรือลงแม่น้ำคงคา
- ค่าที่พักทุกเมือง // ค่าอาหารทุกมื้อ
- ค่าเข้าชมสถานที่ทุกเมือง (พิพิธภัณฑ์ โบราณสถาน วัดตามเมืองต่างๆ)
- ค่าวีซ่า 2 ประเทศอินเดีย เนปาล
- ค่าประกันการเดินทางวงเงิน 1,000,000 บาท กรณีเสียชีวิตระหว่างการเดินทางและการรักษาอาการอาหารเป็นพิษ 8,000 บาท (ไม่รวมประกันความเสียหายของสิ่งของและประกันสุขภาพ)
5.2 ราคาไม่รวม
- ทิปเจ้าหน้าที่ทัวร์(คนขับรถ เด็กรถ ไกด์อินเดีย เจ้าหน้าที่ยกกระเป๋าของวัด+โรงแรม จัดสรรให้ทุกที่ค่ะ ตามความพึงพอใจค่ะ
- ค่าน้ำหนักกระเป่าเดินทางโหลดใต้ท้องเครื่องที่เกินกว่าที่ระบุในกำหนดการ
- ค่าทำพาสปอต ค่าเดินในประเทศไทยในวันเดินทางไปและกลับ
- ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่นๆ เช่น ค่าของฝาก เงินทำบุญ ค่าซิมโทรศัพท์
- ค่าประกันทรัพย์สินเสียหายจากการเดินทาง
โปรแกรมทัวร์เต็ม
วันที่ 1 : 8 พฤศจิกายน 2567 กรุงเทพ (ดอนเมือง) - พุทธคยา
04.30 น. พบกันที่สนามบินดอนเมือง อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ อาคาร 1 ประตู 2 สายการบิน Air Asia
05.00 น. เช็คอินสายการบิน Air Asia ไฟลท์ fd122 เดินทางสู่สนามบินคยา ใช้เวลาเดินทาง 3.20 ชม. แต่อินเดียเวลาเร็วกว่าไทย1.30 เวลาท้องถิ่นที่เราไปถึงจะได้กำไรเวลามาอีก 1.30 ชม.ค่ะ
10.10 น. ถึงสนามบินคยา ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน
- เอกสารฟ้าจัดการเขียนให้ทั้งหมด ตอนคุณแอร์โอสเตสมาแจกรับเอกสารไว้แล้วนอนต่อได้เลยค่ะ
- ตม.อินเดียที่คยามีประมาณ 4-5 เคาเตอร์ น้อยมากและทำงานช้ามาก ค่อยๆเปิดเล่มพาสปอต ค่อยๆแสกน เราอาจใช้เวลาที่ขั้นตอนนี้สักพัก ถือเป็นการรับน้องด่านแรกนะคะ (ฟ้าคอยแสตนบายหน้าเคาเตอร์ช่วยทุกคนแสตมป์มือ ไม่ต้องกังวลเรื่องการผ่านตม.ค่า)
ผ่านตม.มารับกระเป๋า แล้วเดินทางต่อไปทานกลางวันกันที่วัดเนรัญชราวาส พักผ่อนให้หายเพลียจากการเดินทางแล้วออกไปกราบสักการะต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้ สังเวชนียสถานแห่งที่ 1 กันค่ะ
ใช้เวลาสวดมนต์ทำวัตรเย็น เดินดูรอบๆและกลับมาทานอาหารเย็นพักผ่อนที่วัด เตรียมตัวเพื่อเดินทางตามรอยพระพุทธเจ้าในวัดถัดไป
วันนี้โปรแกรมสบายๆตื่นเช้ากันนิดนึงแต่พอไปถึงพุทธคยาจะมีเวลาให้พักผ่อนนิดหน่อยก่อนเข้าต้นโพธิ์ค่ะ สว.จะได้ไม่เหนื่อยมาก
วันที่ 2 : 9 พฤศจิกายน 2567 พุทธคยา - ราชคฤห์ - นาลันทา
ช่วงเช้า-บ่าย |
ทานอาหารเช้าที่วัดเนรัญชราวาสและออกเดินทางไปยังเมืองราชคฤห์ซึ่งเป็นเมืองสำคัญมากในชีวิตของพระพุทธเจ้า ราชคฤห์แห่งนี้เป็นเมืองแรกในแดนพุทธภูมิที่พุทธศาสนาตั้งมั่นโดยมีพุทธสาวกคนสำคัญคือพระเจ้าพิมพิสาร ปาวารณาตัวเป็นพุทธศาสนิกชน ในราชคฤห์จึงมีสถานที่มากมายที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของพระพุทธเจ้าให้เราได้ศึกษาและกราบสักการะเช่น
ทานกลางวันกันที่วัดไทยสิริราชคฤห์และเดินทางต่อไปที่นาลันทา เมืองใกล้ๆเพื่อไปกราบสักการะ
|
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็น พักผ่อนที่Hotel Patliputra Continental |
ข้อมูลน่ารู้ตามเส้นทางสังเวชนียสถาน
ราชคฤห์ไม่ได้เป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถาน 4 ตำบลแห่งใดเลย แต่เป็นเมืองสำคัญมากในยุคพุทธกาลเพราะเป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นมคธ 1 ในแคว้นมหาอำนาจในยุคนั้น ปกครองโดยพระเจ้าพิมพิสารพระเจ้าพิมพิสารเคยเจอเจ้าชายสิทธัตถะแล้วก่อนแล้วเมื่อครั้งทรงออกบวชและเดินมาจากกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ด้วยวรรณะ ผิวพรรณ หน้าตา เมื่อมาถึงราชคฤห์ชาวบ้านก็อื้ออึงกันถึงความงามจนพระเจ้าพิมพิสารเสด็จไปพบพร้อมเสนอให้ออกจากเพศนักบวชแล้วมาช่วยกันปกครองแคว้นมคธ เจ้าชายสิทธัตถะทรงปฏิเสธไป พระเจ้าพิมพิสารจึทูลขอว่าหากทรงตรัสรู้ธรรมเมื่อใดให้มาโปรดท่านด้วย เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตรัสรู้อนุตตระสัมมาสัมโพธิญาณใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้ว ก็ทำตามคำมั่นที่ให้ไว้ทรงเสด็จกลับไปโปรดพระเจ้าพิมพิสาร และพุทธศาสนาก็ตั้งมั่นที่ราชคฤห์เป็นแห่งแรกในโลก นับจากนั้นเป็นต้นมา
วัดเวฬุวันมหาวิหาร วัดแห่งแรกในพุทธศาสนา | กุฏิพระพุทธเจ้าบนยอดเขาคิชกูช ราชคฤห์ | หลวงพ่อองค์ดำ นาลันทา เตรียมน้ำมันมะพร้าวไปทาขอพรเรื่องสุขภาพค่ะ |
วันที่ 3 : 10 พฤศจิกายน 2567 : ปัตนะ - ไวสาลี - กุสินารา
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าที่โรงแรมและออกเดินทางสู่เมืองกุสินารา ชื่อเดิมคือกุสาวดี วันนี้เราเดินทางไกลวันแรกโดยจะเดินทางผ่านสะพานที่ยาวที่สุดในอินเดีย สะพานมหาตมะคานธี เข้าสู่เมืองไวสาลี เมืองเดิมตั้งแต่สมัยพุทธกาลระหว่างทางแวะกราบสักการะ
เสาอโศกนั้นเป็นจุดหมุดหมายสำคัญในการแสดงว่าสถานที่นี้คือสังเวชนียสถาน เสาอโศกสร้างโดยพระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์ในราชวงศ์เมารยะ ช่วงยุคหลังพระพุทธเจ้าประมาณ 200 ปี ท่านเป็นกษัตริย์ที่มีคุณูปการยิ่งใหญ่ในพุทธศาสนาของเรา ในเส้นทางสังเวชนียสถาน เสาอโศกที่ไวสาลีเป็นต้นที่สมบูรณ์ที่สุด แต่เราจะไปเห็นหัวเสา แค่หัวเสาที่สมบูรณ์ที่สารนาถ พาราณสีกันค่ะ หลังจากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองเกสรียา แวะชมมหาสถูปเกสรียา สถูปต้นแบบของบุโรพุทโธ ประเทศอินโดนีเซียในปัจจุบัน เคยเป็นสถานที่เก็บบาตรพระพุทธเจ้าที่มอบให้ประชาชนของแคว้นวัชชี ก่อนท่านจะเดินทางไปปรินิิพพานที่กุสินาราและเดินทางต่อสู่กุสินารา
วันนี้ถือว่าเราเดินทางตามรอยช่วงชีวิตสุดท้ายของพระพุทธเจ้ากันจริงๆในสถานที่จริงค่ะ |
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็นและเข้าที่พักที่โรงแรม Imperial |
วันที่ 4 : 11 พฤศจิกายน 2567 : กุสินารา - ลุมพินี สถานที่ประสูติ
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าที่โรงแรมและออกเดินทางสู่ด่านชายแดนอินเดีย เนปาล เสาโนรี ก่อนจะข้ามด่านแวะพักทานโรตีและเข้าห้องน้ำก่อนข้ามด่านที่วัดไทยนวราชย์รัตนาราม 960 ผ่านกระบวนการตรวจคนออกเมืองกันก่อนแล้วเดินทางไปสู่จุดหมายของเรา
|
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็น พักผ่อนที่โรงแรม Kasai |
ข้อมูลน่ารู้ตามเส้นทางสังเวชนียสถาน
ลุมพินี ปัจจุบันอยู่ในเขตแดนของประเทศเนปาลแต่สมัยเดิมลุมพินีตั้งอยู่ในเขตแดนของอินเดียตั้งแต่สมัยอินเดียยังเป็นมหาชนบท (มหาชนบทแปลว่าเมืองเจริญ) ลุมพินีดั้งเดิมคือสถานที่บริเวณแคว้นสักกะบ้านเกิด บ้านพ่อของเจ้าชายสิทธัตถะ ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะอยู่ในประเทศเนปาล เราก็จะมากราบกันค่ะ ราคาทัวร์รวมวีซ่าเนปาลแล้วค่ะ ลุมพินีไม่ใช่เมืองแต่เป็นสวนพักระหว่างเมือง ที่เจ้าชายสิทธัตถะมาประสูติที่ลุมพินีเพราะในสมัยพุทธกาลเป็นธรรมเนียมของหญิงที่จะเดินทางไปคลอดที่บ้านแม่ แต่พระนางสิริมหามายาไปไม่ทัน จึงทรงมีประสูติกาลที่สวนลุมพินี
แวะทาโรตี ชา กาแฟที่ วัดไทยนวราชย์รัตนาราม ก่อนข้ามด่านเนปาล | พระโพธิสัตว์เจ้าชายสิทธัตถะ ลุมพินี | วิหารมายาเทวี สร้างครอบสถานที่ประสูติ |
วันที่ 5 : 12 พฤศจิกายน 2567 : ลุมพินี - สาวัตถี
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าและออกเดินทางสาวัตถี มหานครคนดี สาวัตถีเป็นเมืองหลวงของแคว้นโกศล สมัยพุทธกาลสาวัตถีจึงเป็นเมืองใหญ่มีคนมาศัยอยู่มากมาย เจ้าครองแคว้นคือพระเจ้าปเสนทิโกศลผู้ซึ่งรักและศรัทธาในตัวพระพุทธเจ้ามาก จนอยากดองด้วยถึงขั้นส่งคนไปเจ้าหญิงจากแคว้นสักกะมาแต่งงาน จนสุดท้ายกลายเป็นโศกอนาฏกรรมล้างวงศ์วานของพระพุทธเจ้าที่นี่เป็นที่ที่พระพุทธเจ้าประทับนานที่สุดถึง 25 พรรษา จึงตรัสสอนพระสูตรมากมายที่นี่ เราจะไปกราบสักการะสถานที่สำคัญเหล่านี้
|
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็นและพักผ่อนที่โรงแรม Sravasti Platinum |
ข้อมูลน่ารู้ตามเส้นทางสังเวชนียสถาน
สาวัตถี เป็นอีกเมืองที่ไม่ได้เป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถาน แต่เป็นอีกเมืองสำคัญของประวัติศาสตร์พุทธศาสนา สาวัตถีอย่างที่กล่าวไปว่าเป็นเมืองหลวงของแค้นโกศล ในสมัยพุทธกาลโกศลเป็นแคว้นใหญ่พอๆกับมคธและมีความเกี่ยวข้อง เกี่ยวดองกับพระพุทธเจ้า ด้วยความที่ทรงประทับที่นี่นานถึง 5 พรรษา จึงเกิดเหตุการณ์ เกิดพระสูตรมากมายที่นี่ ดังนั้นสาวัตถีจึงเป็นเมืองที่พลาดไม่ได้ รวมถึงวัดเชตวันที่เราจะพาไปกราบสักการะ เป็นอีกวัดใหญ่ วัดดังเดิมในพุทธศาสนา การได้ไปกราบสักการะสักครั้งจึงเป็นโอกาสสำคัญของเรามากค่ะ
วันที่ 6 : 13 พฤศจิกายน 2567 : สาวัตถี - พาราณสี
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าและออกเดินทางสู่เมืองพาราณสี แห่งแคว้นกาสีในสมัยพุทธกาล พาราณสีเป็นเมืองใหญ่ เมืองสำคัญที่ปัจจุบันก็ยังสำคัญอยู่ หลังจากตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้ว ทรงพิจารณาถึงคนที่จะสอนได้ และเล็งเห็นว่าเหล่าปัญจวัคคีย์นี้ล่ะที่มีธุลีในตาน้อยพอจะเข้าใจธรรมที่ทรงค้นพบจึงเดินจากพุทธคยามาพาราณสี พบปัญจวัคคีย์และเทศน์สอนธรรมบทแรก ธัมจักรกัปปวัตรสูตร (เราจะสวดมนต์บทนี้กันที่สถานที่จริง หัดสวดไปได้เลยนะคะ)
หลังจากนั้นพาท่านไปชมวิถีชีวิตชาวอินเดีย ที่ใช้ชีวิตแบบนี้มากว่า 4,000 ปี ณ ริมฝั่งแม่น้ำคงคา
|
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็นและพักผ่อนที่โรงแรม Pinnacle |
ข้อมูลน่ารู้ตามเส้นทางสังเวชนียสถาน
พาราณสี เป็นเมืองสำคัญของโลกในแง่สังคม วัฒนธรรม อารยธรรม ที่นี่ถูกกครองสลับกันไปมาระหว่างเจ้านครฮินดูและอิสลามจนถึงช่วงอังกฤษ แม่น้ำคงคาเป็นไฮไลท์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ถึงแม้จะเป็น Top Destination ขาดนี้ พระพุทธเจ้าเสด็จมาที่นี่แค่ครั้งเดียว อยู่จำพรรษาเดียวคือช่วงเวลาหลังจากตรัสรู้และมาโปรดปัญจวัคคีย์ หลังจากนั้นไม่เสด็จมาที่นี่อีกเลยค่ะ
ธัมเมกขสถูป สถานที่แสงปฐมเทศนา | ล่องแม่น้ำคงคา ชมวิถีชีวิตของคนอินเดีย | พิพิธภัณฑ์สารนาถ เก็บรักษาพระพุทธรูปปางปฐมเทศนาที่งดงามที่สุด |
วันที่ 7 : 14 พฤศจิกายน 2567 : พาราณสี - พุทธคยา
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าและออกเดินทางสู่พุทธคยา สถานที่สำคัญของเราย้อนเส้นทางการเดินทางของพระพุทธเจ้า ท่านเดินเท้าจากพุทธคยาไปพาราณสีแต่เรานั่งรถจากพาราณสีไปพุทธคยาระหว่างจะผ่านบริเวณป่าฝ้าย สถานที่พบภัทวัคคีย์ที่มาฮันนีมูนกับภรรยา แต่มีท่านหนึ่งยังไม่แต่งงานจึงจ้างนางโสเภณีมาเอนเตอร์เทน จนเกิดเรื่องราววุ่นวาย แต่สุดท้ายบรรลุธรรมกันหมด |
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็น และพักผ่อน ณ วัดเนรัญชราวาส |
ข้อมูลน่ารู้ตามเส้นทางสังเวชนียสถาน
พุทธคยา ชื่อเดิมคืออุรุเวลาเสนานิคม ที่นี่นอกจากเป็นที่ตั้งของสังเวชนียสถาน ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สถานที่ตรัสรู้แล้ว ยังมีกลุ่มพระสงฆ์กลุ่มแรกๆที่ทรงมาโปรดนั่นคือเหล่านักบวชชลิล ชลิลคือนักบวชกลุ่มหนึ่งเน้นการบูชาไฟ หลังจากโปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 แล้ว ทรงเดินกลับมาเพื่อมาสอนชลิลกลุ่มนี้ ทั้งที่ชลิลกลุ่มนี้อยู่ใกล้กว่าแต่กลับไม่สอนก่อน ใช้เวลาเดิน 11 วันไปที่พาราณสี เพื่อไปโปรดปัญจวัคคีย์แล้วค่อยกลับมาสอนชลิล นั่นแสดงว่าท่านต้องมีเหตุผลแน่นอน หากเราศึกษาพุทธประวัติในเชิงประจักษ์แนวนี้ เราจะเข้าใจการทำงาน วิธีการสอนของพระพุทธเจ้ามากขึ้นแน่นอนค่ะ
วันที่ 8 : 15 พฤศจิกายน 2567 : พุทธคยาเต็มวัน
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าที่วัด เยี่ยมชมสถานที่ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชีวิตพระโพธิสัตว์ก่อนตรัสรู้และหลังตรัสรู้ที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ก่อนไปสอนปัญจวัคคีย์ที่พาราณสี เช่น
กลางวันกลับไปทานอาหารที่วัดเนรัญและทอดผ้าป่าบำรุงวัดและช่วงบ่าย ตารางสบายๆค่ะ
|
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็น และพักผ่อน ณ วัดเนรัญชราวาส |
วันที่ 9 : 16 พฤศจิกายน 2567 : พุทธคยาเต็มวัน
ช่วงเช้า |
ทานอาหารเช้าที่วัดและเดินทางไปยังเขาดงคสิริ สถานที่บำเพ็ญทุกรกริยา เจ้าชายสิทธัตถะใช้ชีวิตบริเวณนี้กว่า 6 ปีในการทรมานกายจนค้นพบว่าไม่ใช่ทางบรรลุ เกือบสิ้นพระชนม์ในบริเวณนี้จึงคิดและกลับไปทานอาหาร ค้นหาหนทางต่อจนบรรลุสัมมาสัมโพธิญาณใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ กลางวันกลับไปทานอาหารที่วัดเนรัญและทอดผ้าป่าบำรุงวัดและช่วงบ่าย ตารางสบายๆให้เวลาอิสระสำหรับช้อปปิ้งของฝาก หรือ ปฏิบัติธรรมตามอัธยาศัย ณ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ |
ช่วงเย็น | ทานอาหารเย็น และพักผ่อน ณ วัดเนรัญชราวาส |
แห่ผ้าห่มถวายพระพุทธเมตตา | มีเวลาปฏิบัติใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ | ไปชมวัดนานาชาติบริเวณโดยรอบ |
มุมปฏิบัติอิสระ ณ เจดีย์พุทธคยาสถานที่ตรัสรู้ | สถูปบ้านนางสุชาดาผู้ถวายข้าวมธุปายาส | ถวายผ้าป่าบำรุงวัดเนรัญชราวาส |
วันที่ 10 : 17 พฤศจิกายน 2567 : พุทธคยา - กรุงเทพ (ดอนเมือง)
ช่วงเช้า | ทานอาหารเช้าที่วัดและออกเดินทางมาสนามบินคยา เช็คอินสายการบิน Air Asia ไฟลท์ fd123 ใช้เวลาเดินทาง 2.40 ชม. |
10.40 น. | ออกเดินกลับไทย ทานอาหารกลางวันบนเครื่องค่ะ |
14.50 น. |
เดินทางถึงสนามบินดอนเมือง เข้าไทยสบายๆ หากมีเอกสารต้องลงทะเบียน ฟ้าจัดการให้ก่อนล่วงหน้าค่ะ ขอบคุณที่ร่วมเดินทางตามรอยพระพุทธเจ้า ณ 4 สังเวชนียสถานมาด้วยกัน บุญได้ที่ได้ร่วมทำกันมาขอให้ส่งถึงทุกสมาชิกทุกท่าน สุขภาพกาย สุขภาพใจแข็งแรง รอไปเที่ยวด้วยกันใหม่รอบหน้านะคะ |
หมายเหตุ เกี่ยวกับการเดินทางและอาหาร
ทุกคนคะ อินเดียเป็นประเทศที่สามารถมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้สูง ดังนั้นการแพลนโปรแกรมทุกรอบ ฟ้าจะเผื่อเวลาสำหรับสิ่งนี้ เช่นการวันแรกที่ต้องผ่านตม.ที่พุทธคยาคือเผื่อเวลาเอาไว้เลย ถ้าเข้าต้นโพธิ์ไม่ได้วันนี้ยังมีเวลามาเก็บวันอื่น และด้วยเหตุความไม่แน่นอนสูงนี้เอง โปรแกรมสามารถปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ตามเหตุปัจจัยได้ตลอดเวลาตามเงื่อนไขด้านความปลอดภัย และความเหมาะสม โดยยึดถือผลประโยชน์ของญาติธรรมเป็นหลักค่ะ ไม่มีการตัดสถานที่แน่นอน แต่อาจจะสลับก่อนหลัง เช้าเย็นประมาณนี้ค่ะ ฟ้าเข้าใจว่าทุกคนตั้งใจไป ดังนั้นจะพาไปให้ครบเพื่อให้สมความตั้งใจค่ะ
เรื่องอาหารการเดินทางตามเส้นทางสังเวชนียสถานเป็นการเดินทางในระยะทางพอสมควรและระหว่างทางไม่มีร้านอาหารตามแบบสากลที่เหมาะสมกับคนไทยเพราะเมืองสังเวชนียสถานตั้งอยู่ในเมืองต่างจังหวัด ความเจริญแบบที่เราคุ้นเคยกันหาแทบจะไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเลำบากอะไรขนาดนั้นค่ะ ในส่วนของการทานอาหารจึงมีความจำเป็นต้องทานอาหารแบบแพ็คกล่องจากวัดไทยเพื่อความปลอดภัยด้านสุขลักษณะอนามัยของทุกคนค่ะ
วิธีการจอง (กรุณาทำตามนี้เพื่อป้องกันมิจฉาชีพ)
การจองทัวร์ของสะพานบุญทัวร์ = จองกับฟ้า เจ้าของทัวร์โดยตรง ไม่มีการที่ฟ้าทักไปหาก่อน ยกเว้นกรณีทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ในเว็ปค่ะ
1. โทรมาที่ 0831321161 (ใช้เบอร์เดียวค่ะ) ทักมาที่ line id 0831321161 หรือกล่องข้อความเพจ https://www.facebook.com/saphanboontour เท่านั้น
2. ส่งชื่อหรือหน้าพาสปอตสำหรับจองที่นั่ง
3. หลังจากนั้นฟ้าจะแจ้งขั้นตอนต่างๆสำหรับการจองทัวร์แล้วค่ะ